แม้ว่า "วิชาภูมิศาสตร์" ไม่ได้มีไว้ขาย แต่ทุกวันนี้ อะไร อะไร ก็ขายได้กันหมด ภูมิศาสตร์ที่เคยมีไว้เป็นเครื่องมือสรวญเสเฮฮา มีไว้ประเทืองปัญญา ที่จะพาสังคมพัฒนาและอยู่รอด หลายส่วนของสังคมเรียนรู้ของคนที่เรียนวิชาภูมิศาสตร์ จึงต้องแสดงคุณค่าแห่งปัญญาที่มีทั้งคุณค่าและมูลค่า
วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
Spatial Interaction Model
Spatial Interaction Model เป็นประเด็นหัวใจของการศึกษาและวิจัยทางภูมิศาสตร์ โดยมีฐานคิดมาจาก Principle of Least Effort ของ AK Zipt (1959) โดยมีหลักการเบื้องต้นของปฏิสัมพันธ์เชิงพื้นที่ 3 ประการ คือ Complementarity, Transferability และ Intervention Opportunity ทั้งนี้โดยมีประเด็นของ Friction of Distance Principle เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องนำมาพิจารณาร่วม
Spatial Interaction Model นี้ในชั้นต้นมีการประยุกต์ใช้ทางภูมิศาสตร์ ด้วยการนำเอากฎแรงโน้มถ่วง (Law of Gravitation) มาใช้อธิบายทางสังคมศาสตร์ เพื่อหาปฏิสัมพันธ์ระหว่างสถานที่ โดยสถานที่สองแห่งจะมีปฏิสัมพันธ์มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของมวลของทั้งสองสถานที่ และมีระยะทางเป็นปัจจัยเชิงลบที่จะมามีผลให้ปฏิสัมพันธ์ดังกล่าวลดลง และประยุกต์ใช้ในระดับที่สูงขึ้นอีก 3 ประเด็น คือ
1. Retail Gravitation เพื่อหาอิทธิพลของสถานที่แห่งหนึ่งที่มีต่อสถานที่หนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับสถานที่อีกแห่งหนึ่ง
2. Breaking Point Theory เพื่อหาตำแหน่งแสดงขอบเขตการให้บริการของสถานที่สองแห่ง
3. Population Potential Model เพื่อวัดศักยภาพโดยรวมของสถานที่แต่ละแห่งในภูมิภาค
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)