หน้าเว็บ

วันพุธที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เรียนวิชาภูมิศาสตร์ต้องออกไปศึกษาภาคสนาม

สิ่งสำคัญมากอย่างหนึ่งในวิชาภูมิศาสตร์ คือ การเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ออกไปศึกษาเรียนรู้ในพื้นที่ภาคสนาม นอกเหนือจากที่ได้ศึกษาในตำราเรียน การศึกษาภาคสนามจะช่วยให้นักเรียนสามาถเชื่อมโยงแนวความคิดต่างๆ ทางภูมิศาสตร์ เข้ากับปรากฎการณ์จริง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งสำคญมากของการเรียนวิชาภูมิศาสตร์

ทำให้งานภาคสนามมีเป้าหมายชัดเจน

ต่อคำถามที่ว่า "เบื้องหลังของการศึกษาภาคสนาม คืออะไร" นั้น นักเรียนวิชาภูมิศาสตร์ส่วนใหญ่รู้ดีว่า พวกเขาจำเป็นจะต้องออกไปในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล แล้วนำกลับมาวิเคราะห์และเขียนรายงานในชั้นเรียน

แต่ว่า คงต้องมีอะไรมากกว่านั้น" Tricia Seow คุณครูภูมิศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง สิงคโปร์ กล่าวต่ออีกว่า "การศึกษาภาคสนามจะต้องมีเป้าหมาย และเป้าหมายที่ว่านั้น ควรจะขึ้นอยู่กับระดับชั้นของนักเรียน" แน่นอนว่าในระดับพื้นฐานจำเป็นต้องฝึกทักษะการเก็บรวบรวมข้อมูลให้มีความถูกต้องแม่นยำ แต่ว่าในระดับที่สูงขึ้นนั้น ต้องขึ้นอยู่กับสิ่งที่ได้รับความสนใจ การศึกษาภาคสนามถูกใช้เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ในสิ่งที่อยากรู้ (inquiry-based learning)

การเรียนรู้หยั่งลึก (deep learning) เริ่มต้นแล้ว “มันเป็นการซักไซร้ไล่เลียงให้ได้คำตอบที่อิงแอบกับทฤษฎี และนักเรียนก็จะได้รับรู้ความจริงทั้งหลายที่จะทำให้พวกเขาเข้าใจความซับซ้อนของโลกอย่างจริงจัง มากกว่าที่จะเข้าใจแค่ในทฤษฎี แค่นั้น” ทริเซียกล่าว

สร้างประสบการณ์บนแนวความคิดสำคัญๆ

ภูมิศาสตร์เป็นวิชาหนึ่งที่สนใจสร้างแนวความคิดนามธรรม อย่างเช่นคำว่า “พื้นที่” (space)

แต่ว่าตัวพื้นที่เอง ไม่ได้สื่อความหมายอะไรให้นักเรียนเข้าใจได้มากนัก ครูจะต้องบอกให้นักเรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับพื้นที่และสถานที่ ซึ่งบ่อยครั้งที่มันดูว่างเปล่ายังงัยไม่รู้ นักเรียนสามารถเรียนรู้พื้นที่ได้จากคำนิยาม แต่มันมองไม่เห็นภาพใช่ไหม” Tricia ถาม “ดังนั้น การศึกษาภาคสนามจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการแกะรอยหาคำตอบต่างๆ เหล่านี้”

เอาง่ายๆ ลองยกตัวอย่างว่า ครูพานักเรียนเข้าไปในย่านไชน่าทาวน์และลิตเติ้ลอินเดียของสิงคโปร์ แล้วก็บอกนักเรียนว่า นั่นละคือพื้นที่ท่องเที่ยว (tourism space) นักเรียนจึงอาจมีคำถามกลับมาว่า นี่เป็นพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวใช่ไหม อะไรทำให้พื้นที่กลายเป็นพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยว ใครกันที่เข้ามาใช่พื้นที่นี้

หากนำเอาเทคนิคการศึกษาภาคสนามเพื่อสำรวจการใช้ที่ดินมาใช้ตรงนี้ นักเรียนก็จะได้เห็นถึงส่วนผสมของการใช้ที่ดินเป็นร้านค้าขายสำหรับนักท่องเที่ยวมีอยู่มากมายกว่าบริเวณพื้นที่อื่นตามถนน

เทคนิคเหล่านี้ช่วยให้นักเรียนเข้าใจแนวความคิดหลายๆ อย่าง ทั้งการกระจายและการเกาะกลุ่มกันบนพื้นที่ อีกทั้งพวกเขายังสามารถใช้ข้อมูลอธิบายความเหมาะสมของพื้นที่นี้ที่จะรองรับการท่องเที่ยวได้ดีหรือไม่ ได้ด้วย

"ความจริงแล้วแนวคิดทั้งหลายเหล่านี้เป็นนามธรรม เว้นแต่ว่าแนวความคิดนั้นจะวางอยู่บนฐานบางสิ่งบางอย่างที่เป็นประสบการณ์ของนักเรียน" Tricia กล่าวเอาไว้อย่างนั้น ซึ่งถ้าหากครูสามารถเชื่อมโยงแนวความคิดกับข้อมูลที่นักเรียนเก็บรวบรวมมา ภูมิศาสตร์ก็น่าจะดูดีมีชีวิตชีวาขึ้นอีกมากโขเลยทีเดียว

การเรียนรู้หยั่งลึกด้วยการศึกษาภาคสนาม

การสอนในชั้นเรียนและการทำวิจัยภาคสนามจะช่วยกันและกันได้เป็นอย่างดี Tricia บอกเรา หลังจากการสอนแนวคิดทางภูมิศาสตร์ เครื่องมือ หรือทักษะ แล้วการวางแผนการเดินทางออกจากห้องเรียน

เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการศึกษาภาคสนาม คำถามที่เกิดจากความอยากรู้อยากเห็นของนักเรียนในภาคสนามจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

ตัวอย่างของการสำรวจการใช้ประโยชน์ที่ดิน เป็นวิธีการที่ดีสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับพื้นที่ (space) ตั้งต้นการสำรวจด้วยคำถาม - พื้นที่ถูกใช้ประโยชน์อะไร ? ใครเป็นเจ้าของพื้นที่นั้น ? นักเรียนจะต้องตัดสินใจว่าจะรวบรวมข้อมูลใดบ้างเพื่อตอบคำถามเหล่านี้

ในพื้นที่จริงของการศึกษษภาคสนาม มีมิติต่างๆ มากมายให้พิจารณา เป็นต้นว่า “หากต้องการทราบว่า ใครเป็นผู้ใช้พื้นที่นี้ ก็ให้พิจารณาหลายๆ สิ่ง อย่างเช่นเครื่องหมายหรือป้าย เพราะป้ายที่ติดไว้แสดงให้เห็นถึงการเรียกร้องผู้คนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ให้เข้ามาใช้พื้นที่นี้”

ลองสอบถามผู้คนแถวนั้นดู อาจถามเจ้าของร้านค้า หรือว่าถามลูกค้าประจำของร้านนั้น ลูกค้าประจำร้านนั้นเขาเป็นนักท่องเที่ยวหรือไม่ หากใช่นักท่องเที่ยว ถามเขาดูว่า เขาเดินทางมาจากไหน”

เมื่อการศึกษาภาคสนามดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว นักเรียนกลับสู่ชั้นเรียน ทำการวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลทั้งหลายที่เก็บรวบรวมมาจากภาคสนาม

ระหว่างการนำเสนอ มีสิ่งสำคัญสามอย่างที่ครูจะต้องค้นหาจากนักเรียน คือ

·        สิ่งแรก นักเรียนได้แสดงความพยายามเก็บรวบรวมข้อมูลสารสนเทศด้วยวิธีการที่ดีที่สุดแล้วรึยัง พวกเขาเลือกใช้วิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ เลือกตัวอย่างที่สำคัญจริงๆ หรือเปล่า ใครทำหน้าที่สอบถาม พวกเขาไปเก็บข้อมูลที่ไหนกันมา และเก็บมาตอนไหน
·        สอง นักเรียนแสดงข้อมูลข่าวสารให้ดูด้วยวิธีการที่ดีที่สุดแล้วหรือไม่ หากว่าพวกเขากำลังมองหาสิ่งช่วยการนำเสนอให้ดูดีขึ้นกว่าเดิม กราฟ สัดส่วนตัวเลข หรือภาพเคลื่อนไหว จะทำให้การนำเสนอดูดีขึ้นได้หรือไม่ และ
·        สุดท้าย แต่ไม่ใช่ท้ายสุด ครูควรแนะนำนักเรียนในการทำความเข้าใจกับข้อมูลสารสนเทศและความคิดเห็นทั้งหมดที่นักเรียนทุกกลุ่มได้นำเสนอ


เมื่อต้องกลับเข้าสู่ห้องเรียน

สำหรับการเรียนรู้หยั่งลึกเป็นอะไรอะไรที่เกิดขึ้นหลังจากการศึกษาภาคสนาม ได้สร้างความแตกต่างอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาแล้ว ซึ่งมีความสำคัญมาก ถ้าหากว่าเราไม่ได้ทำให้ถูกต้องเหมาะสม มันจะไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อการเรียนรู้เลย

ดังนั้น เมื่อกลับห้องเรียนมา คุณครูจะต้องฝึกทักษะการให้เหตุผลและทำความเข้าใจกับข้อมูลที่เก็บรวบรวมมา เพราะอย่างไรเสีย ห้องเรียนก็ยังเป็นที่ที่นักเรียนจะต้องนำเสนอ เตรียมการแสดงผลการค้นพบ และตีความบางสิ่งบางอย่าง

คุณครูจะต้องขอให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่า การศึกษาภาคสนามได้ช่วยอะไรบ้างต่อการเรียนรู้ของพวกเขา ตัวอย่างเช่น ข้อมูลข่าวสารที่ได้มานี้ ช่วยให้นักเรียนพัฒนาทักษะอะไรขึ้นมาได้บ้าง ทำให้เข้าใจทฤษฎีอะไรได้มากขึ้นมากกว่าเดิมบ้าง ทำให้พวกเขาพัฒนาตัวเองไปสู่การเป็นนักภูมิศาสตร์ได้อย่างไรบ้าง “เหล่านี้คือสิ่งที่คุณครูสามารถเพิ่มคุณค่าของการเรียนรู้เข้าไปได้” Tricia กล่าว

“เพราะนี่เป็นการแนะนำให้นักเรียนได้รับรู้ว่า นักภูมิศาสตร์เขาคิดกันอย่างไร เขาต้องการเรียนรู้อะไร และเขาสร้างความรู้เกี่ยวกับโลกที่เราอาศัยอยู่กันอย่างไร เราจะไม่คาดหวังให้พวกเขาเข้าใจและผลิตองค์ความรู้ออกมาจากทฤษฎีที่ลึกลับและซับซ้อน แต่เชื่อได้ว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างผุดออกมาจากความอยากรู้อยากเห็นเล็กๆ ของพวกเขาเอง”

มีคุณค่าที่ยิ่งใหญ่มากของการเรียนรู้วิชาภูมิศาสตร์ทั้งในและนอกชั้นเรียน Tracia เชื่อว่าสักวันหนึ่งนักเรียนของเธอจะรู้ซึ้งถึงคุณค่าของการเรียนรู้ภาคสนามนอกชั้นเรียน “ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มันจะเป็นจุดร่วมที่เหมาะเจาะที่บางช่วงของชีวิตพวกเขา เขาจะได้รู้ได้เห็นในบางสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน แต่เมื่อกลับเข้าเข้าสู่ห้องเรียนแล้ว พวกเขาก็จะกลายเป็นคนที่คิดแบบนักภูมิศาสตร์”

มีอะไรที่จะต้องดำเนินการสำหรับการศึกษาภาคสนามบ้าง

การศึกษาภาคสนามที่เน้นความปรารถนาเรียนรู้ของนักเรียน อาจดูซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเริ่มต้นวางแผน ที่ทั้งครูและนักเรียนจะต้องดำเนินการร่วมกัน ทั้งการกำหนดกรอบแนวความคิดให้เกี่ยวเน่องและสอดคล้องกับการศึกษาภาคสนาม

ครูจะต้องพิจารณาสิ่งสำคัญต่อไปนี้ให้ดี

1.     การทำงานเป็นทีม – นี่เป็นสิ่งจำเป็นในการศึกษาภาคสนาม อย่างแรกเลยนั้น นักเรียนควรจะได้เรียนรู้การทำงานเป็นทีม ประเด็นของการเชื่อมโยงทีมงานให้สามารถทำงานร่วมกันได้ ต้องกำหนดไว้ตั้งแต่ต้นเลย
2.     แนวความคิดและเครื่องมือ – แนวความคิดจะต้องถูกสอนแล้วในชั้นเรียน นักเรียนจึงมีความเข้าใจบริบทของสิ่งต่างๆ ที่จะออกไปเผชิญหน้าในภาคสนามแล้ว ส่วนเครื่องมือต่างๆ นั้น นักเรียนจะต้องได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีแล้ว
3.     แบบแผนการทำงาน – การดำเนินการในภาคสนามของนักเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญที่แสดงถึงความสำเร็จของนักเรียน ดังนั้น นักเรียนจึงจะต้องได้รับการจัดการ และต้องทราบด้วยว่าพวกเขาและเพื่อนร่วมทีมควรจะบรรลุถึงสิ่งใด นี่จึงควรจะจัดกลุ่มจัดประเภทของนักเรียนก่อนออกไปศึกษาภาคสนาม
4.     ปลอดภัยไว้ก่อน – ในภาคสนามจริง ครูเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยของนักเรียน จึงควรออกสำรวจเบื้องต้นในพื้นที่ที่จะพานักเรียนไปศึกษาภาคสนามให้เรียบร้อยเสียก่อน และให้หามาตรการสร้างความปลอดภัยมาใช้ขณะออกภาคสนามด้วย
5.     การเรียนรู้ร่วม – ขั้นตอนสุดท้ายของการออกภาคสนาม จำเป็นจะต้องสรุปประเด็นสำคัญๆ ตั้งแต่จุดแรกเรื่องแรกและเรื่องต่อๆ มาจนครบทั้งหมด เพราะนี่จะช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ร่วมกับครูไปด้วยกันได้
6.     สบายสบาย – ขณะวางแผนจะต้องจำไว้ว่า มีสิ่งต่างๆ ให้เรียนรู้เป็นจำนวนมาก เท่าๆ กับสิ่งสำคัญสำหรับนักเรียน คือ การเล่น ดังนั้น ครูจะต้องมั่นใจว่าได้จัดสรรเวลาไว้เพียงพอสำหรับการผ่อนคลาย ทั้งทางกายและทางใจ

ความสำเร็จของการศึกษาภาคสนามขึ้นอยู่กับครู ผู้ที่มีบทบาทหลายอย่างมาก “ครูไม่ใช่ผู้อำนวยความสะดวกของการศึกษาภาคสนาม หากแต่ว่าเขาหรือเธอจะต้องเป็นธุระในฐานะผู้ชี้แนะ (mentor) ครู (teacher) ผู้จัดการ (manager) ที่ปรึกษา (counsellor) และเพื่อน เพื่อให้การเรียนรู้และการใช้ชีวิตของนักเรียนมีประสบการณ์ที่ดี”