หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เทศกาลน้ำ : ภูมิศาสตร์สังคมและวัฒนธรรมกัมพูชา

เทศกาลน้ำ : ภูมิศาสตร์สังคมและวัฒนธรรมกัมพูชา”
โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล(http://photos-c.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs991.snc4/76442_464302675982_637890982_6163379_4670006_a.jpg)


เมื่อคืนที่เป็นคืนวันลอยกระทงในประเทศไทย ที่ประเทศกัมพูชาก็มีงานเทศกาลน้ำคืนวันเพ็ญคล้ายกัน แต่งานเทศกาลน้ำที่กรุงพนมเปญปีนี้เกิดโศกนาฏกรรมผู้คนเหยียบกันตายถึง 450 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 760 คน ตามตัวเลขแถลงโดยนายไพ สีพัน โฆษกรัฐบาลกัมพูชา หลังเกิดเหตุคืนวันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน 2553
มีเรื่องเชิงภูมิศาสตร์สังคมและวัฒนธรรมที่เป็นข้อมูลความรู้ 2 เรื่อง ที่เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ คือ
งานเทศกาลน้ำคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง ของชาวกัมพูชา
เหตุเกิดบนสะพานข้ามแม่น้ำบาสัก (Bassac River) ที่เชื่อมฝั่งกรุงพนมเปญ กับ เกาะเพชร (Koh Pich / Diamond Island)
เทศกาลน้ำคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง : “บอน ออม ตุก” (Bon Om Touk / Bon Om Thook / Bonn Om Teuk / Bon Om Tuk) หรือ “เทศกาลน้ำ” (Water Festival) ของชาวกัมพูชา เป็นงานประเพณีที่ใหญ่ที่สุดในรอบปีของชาวกัมพูชา ยิ่งใหญ่กว่างานวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่มากมายนัก
“บอน ออม ตุก” เทศกาลแสดงสำนึกในพระคุณของนำ้ ย้อนอดีตไปถึงยุคแรกเริ่มใน สมัยพระนคร (Angkor) ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในคริสต์ศตวรรษที่ 2 เป็นการบูชา เทพยดาแห่งแม่น้ำ เพื่อมิให้เหล่าเทพยดาทรงพิโรธโกรธมวลมนุษย์ เพื่อความความอุดม สมบูรณ์ของชีวิตชาวขอมโบราณที่อาศัยพึ่งพาน้ำจากทะเลสาปและแม่น้ำสายต่างๆเป็นหลัก และนักประวัติศาสตร์บางกลุ่มก็เชื่ออีกด้วยว่าประเพณีฉลองเทศกาลน้ำในสมัยโบราณเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมและแสดงพลังของกองทัพเรือในการออกศึกสงครามด้วย

เทศกาลน้ำ “บอน ออม ตุก” มีกิจกรรมหลัก 3 กิจกรรม :
ลอยประทีป (Loy Pratip) หลังจากประเพณีแข่งเรือยาวในตอนกลางวัน ตกกลางคืนก็มีการแสดงขบวนเรือประดับไฟแสงสีสวยงามในลำน้ำ โดยรัฐบาล ส่วนราชการ และกลุ่มองค์กรต่างๆจะแข่งขันกันส่งเรือเข้าร่วมขบวน
สัมเพียส พระเค (Sampeas Preah Khe) ไหว้พระจันทร์ ในวาระที่ดวงจันทร์วันเพ็ญส่งสัญลักษณ์ว่าถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวและพืชผลการเกษตรแล้ว แสดงความขอบคุณและอธิษฐานให้ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ต่อไปด้วย
อุก อัมบก (Auk Ambok) เป็นพิธีการเวลาเที่ยงคืนชาวบ้านชาวเมืองจะรวมตัวกัน

เทศกาลน้ำ “บอน ออม ตุก” มีกิจกรรมหลัก 3 กิจกรรม :
ลอยประทีป (Loy Pratip) หลังจากประเพณีแข่งเรือยาวในตอนกลางวัน ตกกลางคืนก็มีการแสดงขบวนเรือประดับไฟแสงสีสวยงามในลำน้ำ โดยรัฐบาล ส่วนราชการ และกลุ่มองค์กรต่างๆจะแข่งขันกันส่งเรือเข้าร่วมขบวน
สัมเพียส พระเค (Sampeas Preah Khe) ไหว้พระจันทร์ ในวาระที่ดวงจันทร์วันเพ็ญส่งสัญลักษณ์ว่าถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวและพืชผลการเกษตรแล้ว แสดงความขอบคุณและอธิษฐานให้ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ต่อไปด้วย
อุก อัมบก (Auk Ambok) เป็นพิธีการเวลาเที่ยงคืนชาวบ้านชาวเมืองจะรวมตัวกันที่วัดเพื่อร่วมกิน “อัมบก” มีลักษณะคล้ายข้าวตอกหรือข้าวเม่าผสมกล้วยและมะพร้าวขูด
เทศกาลนำ้ “บอน ออม ตุก” ฉลองกันตามลำน้ำทั่วประเทศกัมพูชา แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ที่นครหลวงพนมเปญ ในช่วงเทศกาลที่ฉลองกันสามวันสามคืนที่พนมเปญจะมีผู้คนมาเที่ยวงานกันจากทุกสารทิศโดยประมาณถึงล้านคน มีการแข่งเรือยาวประเพณีกันยิ่งใหญ่บนแม่น้ำโตนเลสาป (แม่น้ำทะเลสาบ / Tonle Sap River) และแม่น้ำโขง (Mekong River) สำหรับปี 2553 นี้ข่าวรายงานว่ามีเรือ 400 ลำ กับ 2,500 ฝีพาย มาร่วมแข่งขันกันชิงรางวัลที่เป็นเกียรติสูงสุดของประเพณีแข่งเรือในกัมพูชา เมือถึงเวลาค่ำจะมีเรือตกแต่งประดับประดาสีแสงสวยงามมากมายล่องลำน้ำโชว์ความสวยงามตระการตา นอกจากนั้นแล้วทั่วบริเวณสองฝั่งแม่น้ำก็จะมีงานสนุกสานรื่นเริงมากมายต้อนรับผู้ที่มาเที่ยวกันทุกรูปแบบ เทศกาลน้ำของชาวกัมพูชานี้ จะให้เป็นที่สุดแห่งเทศกาลก็ต้องมาฉลองกันที่พนมเปญ และ ณ บริเวณริมแม่น้ำสามสายรอบๆพนมเปญเท่านั้น เพราะเป็นงานประเพณีฉลองการเปลี่ยนทิศทางของสายน้ำ และเป็นการแสดงความขอบคุณต่อคุณค่าของแม่น้ำด้วย และพนมเปญเป็นที่พบกันของแม่น้ำสามสาย และเป็นจุดที่น้ำในแม่น้ำเปลี่ยนทิศทางไหลในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองนี้
(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs978.snc4/77147_464303595982_637890982_6163385_5784609_n.jpg)

(http://)คืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง เป็นคืนที่หน้าฝนยุติลง เปลี่ยนฤดูกาลเข้าสู่หน้าแล้ง สายน้ำที่เคยไหลย้อนขึ้นเหนือเข้าสู่ทะเลสาปเขมร (โตนเลสาป/Tonle Sap) จะไหลกลับลงสู่ทะเลตามธรรมชาติ สภาพภูมิศาสตร์จึงส่งผลต่อวัฒนธรรมโดยตรงตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1144.snc4/148658_464304650982_637890982_6163392_4202774_n.jpg)

แม่น้ำโตนเลสาป พบ แม่น้ำโขง ที่พนมเปญ เกิดเป็นแม่น้ำบาสัก ส่วนแม่น้ำโขงไหลต่อเข้าเวียดนาม ออกสู่ทะเล
หากดูแผนที่กัมพูชา จะเห็นทะเลสาบเขมรอยู่ตรงกลางประเทศ ตรงปลายล่างทางใต้ของทะเลสาบจะมีแม่น้ำเรียกชื่อว่า “แม่น้ำทะเลสาบ” หรือ “แม่น้ำโตนเลสาป” (Tonle Sap River) ไหลลงมาเชื่อมกับแม่น้ำโขงที่ไหลลงมาจากลาว เข้ากัมพูชาทางตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นสายน้ำยาว 500 กิโลเมตร แม่น้ำโตนเลสาปมาเชื่อมกับแม่น้ำโขง ตรงกรุงพนมเปญพอดี จากนั้นแม่น้ำโขงก็จะไหลต่อออกชายแดน เข้าเวียดนามและออกสู่ทะเลในที่สุด แต่ว่าแม่น้ำโตนเลสาปยังมีส่วนที่ไม่ยอมเชื่อมกับแม่น้ำโขงทั้งหมด โดยกลับแยกตัวออกมาเป็นแม่น้ำสายใหม่ ไหลขนานกันทางตะวันตก หรือทางซ้ายมือบนแผนที่ แม่น้ำที่แยกออกมาอีกสายหนึ่งนี้ เรียกชื่อว่า “แม่น้ำบาสัก” (Bassac River – ออกเสียงตามสะดวกแบบไทยอาจเรียกว่า “แม่น้ำป่าสัก” ก็ได้) แม่น้ำบาสัก แม่น้ำโตนเลสาป และ แม่น้ำโขง จึงมาพบบรรจบกันที่พนมเปญ
(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1206.snc4/155845_464305425982_637890982_6163398_3663711_n.jpg)


ในฤดูฝน หรือหน้าน้ำ ปริมาณน้ำมากมายมหาศาลจะท่วมท้นล้นแม่น้ำโขง จนดันน้ำเข้าแม่น้ำโตนเลสาบ ไหลเข้าสู่ตัวโตนเลสาป หรือ “ทะเลสาบเขมร”อันยิ่งใหญ่ ให้ยิ่งใหญ่สมชื่อเสียงจริงๆ เพราะน้ำในโตนเลสาปนี้จะเพิ่มปริมาณจากหน้าแล้งขึ้นมาเป็นกว่า 3 เท่า ในหน้าฝน ผิวน้ำโตนเลสาปกว้าง 3,000 ตารางกิโลเมตร เพิ่มเป็น 10,000 ตารางกิโลเมตร สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับโตนเลสาปและชีวิตเศรษฐกิจของผู้คนรอบๆพื้นที่ ปลากว่า 300 ชนิดพันธุ์ในโตนเลสาปเลี้ยงชาวกัมพูชาได้กว่าครึ่งประเทศ นกน้ำอีกกว่า 100 ชนิดกับสัตว์น้ำอื่นในโตนเลสาปเป็นความหลากหลายทางชีวภาพที่ชาวกัมพูชาภาคภูมิใจ
(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1195.snc4/154789_464306780982_637890982_6163415_7681913_n.jpg)
คืนวันเพ็ญเดือนสิบสองเป็นคืนที่สายน้ำเปลี่ยนทาง จากที่เคยไหลย้อนขึ้นเหนือเข้าโตนเลสาป น้ำลดลงแล้วจึงจะไหลกลับลงใต้ออกสู่ทะเลตามธรรมชาติ จากนี้ไปไม่นาน น้ำในโตนเลสาปจะค่อยๆแห้งลง และลดลงเหลือเพียง 1 ใน 3 ในที่สุด ความอุดมสมบูรณ์ในโตนเลสาปจะลดลง ชีวิตชาวกัมพูชาจะลำบากมากขึ้น ดังนั้นเทศกาลงานประเพณีน้ำคืนเพ็ญเดือนสิบสองจึงเป็นประเพณีขอบคุณแม่น้ำโขง แม่น้ำโตนเลสาป แม่น้ำบาสัก และ โตนเลสาป โดยเฉพาะ และเป็นการขอบคุณแม่น้ำ โดยภาพรวม แบบที่ชาวไทยลอยกระทงขอบคุณพระแม่คงคา (โดยใช้คำว่า “คงคา” แทนแม่น้ำทั้งหมดโดยภาพรวมเช่นกัน)

เกาะเพชร กลางแม่น้ำบาสัก ที่ไหลผ่านพนมเปญ
เกาะเพชร - เหตุเกิดบนสะพานข้ามแม่น้ำบาสัก (Bassac River) ที่เชื่อมฝั่งกรุงพนมเปญ กับ เกาะเพชร (Koh Pich / Diamond Island) : โดยปรกติงานเทศกาลน้ำนี้ก็มีผู้คนมากมายนับล้านคนเช่นนี้ทุกปี ไม่เคยมีเหตุภัยรุนแรงจนเบียดเสียดและเหยียบกันจนตายดังปีนี้ ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุเพราะผู้คนบนสะพานข้ามแม่น้ำบาสักตะโกนว่าถูกไฟช๊อต จากนั้นก็เกิดความโกลาหล วิ่งหนี เบียดเสียด เหยียบย่ำกัน จนเกิดโศกนาฏกรรม ซึ่งนายกรัฐมนตรีฮุนเซ็นฉวยโอกาสกล่าวเชิงเสียดสีอย่างผิดที่ผิดทางว่า “เป็นการเสียชีวิตหมู่มากมายที่สุดนับจากครั้งที่พวกเขมรแดงฆ่าหมู่ชาวกัมพูชาในทศวรรษที่ 1970”
อันที่จริง หากไม่มีสะพาน ไม่มีเกาะเพชร ก็อาจไม่เกิดความสูญเสียเช่นนี้ก็เป็นได้(http://photos-b.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1161.snc4/150362_464306890982_637890982_6163419_53591_a.jpg)
เกาะเพชร (Koh Pich / Diamond Island) เป็นเกาะเล็กๆ ขนาดพื้นที่ประมาณ 618 ไร่ ติดพนมเปญทางทิศตะวันออก กลางแม่น้ำบาสัก ตรงบริเวณที่แยกออกมาจากแม่น้ำโตนเลสาปและแม่น้ำโขงพอดี คนจากฝั่งพนมเปญ ต้องเดินข้ามสะพาน หากจะไปเที่ยวงานบนเกาะเพชร
เกาะเพชรนี่เองคือชีวิตใหม่ของชาวพนมเปญ เพราะเป็นพื้นที่ที่ถูกเช่า 99 ปี พัฒนาเป็นเขตเมืองใหม่ มีธุรกิจสมัยใหม่ครบวงจร บริษัท Khmer-Canadian Oversea Cambodia Investment Company ได้ลงนามในสัญญาที่ต้องจ่ายรัฐบาลกัมพูชา $50 ล้าน ในข่วงเวลาเช่า 99 ปี กำลังสร้างเป็นศูนย์แสดงสินค้า สวนสนุก แหล่งพักผ่อน จัดงานดนตรี และสารพัดกิจกรรมทางธุรกิจและความบันเทิงนานาชนิด ตลอดจนสร้างหมู่บ้านที่อยู่อาศัย อาคารชุด ตลาด ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ การสร้างเกาะเพชรให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจแห่งใหม่ใหม่ต้องถมที่เกาะให้สูงกว่าฝั่งพนมเปญถึง 11.75 เมตร แม้ทุกวันนี้งานก่อสร้าง และการขายอาคารสถานที่ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่เกาะเพชรก็มีชีวิตชีวาแล้ว ผู้คนนิยมข้ามฝั่งมาเที่ยว มาจัดงาน จัดเลี้ยง งานแต่งงาน จัดนิทรรศการ แสดงสินค้า พาลูกหลานมาเที่ยวสวนสนุก ฯลฯ กันมากมายทุกวัน ทุกคืน แม้ปีนี้จะโชคร้ายเกิดโศกนาฎกรรมรุนแรง ชีวิตใหม่บนเกาะเพชรจะดำเนินต่อไปเป็นโฉมใหม่ของพนมเปญ และปีหน้า ชาวกัมพูชานับล้านคน ก็จะมาฉลองเทศกาลน้ำที่เกาะเพชรอีก
ทั้งหมดนี้คือภูมิศาสตร์สังคมและวัฒนธรรม อันเนื่องมาจากแม่น้ำไหลเปลี่ยนทิศทางประจำปี ในราชอาณาจักรกัมพูชา

ขอบคุณข้อมูลจากอาจารย์
สมเกียรติ อ่อนวิมล
25 พฤศจิกายน 2553

2 ความคิดเห็น:

  1. http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9530000165456

    ตอบลบ
  2. เหตุเหยียบกันเสียชีวิตในพนมเปญ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เมื่อมีประชาชนอย่างน้อย 378 คนถูกเหยียบจนเสียชีวิตระหว่างเทศกาลน้ำในพนมเปญ ประเทศกัมพูชา มีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 755 คน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน เซน ได้กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเป็นโศกนาฏกรรมครั้งรุนแรงที่สุดของประเทศ นับตั้งแต่การปกครองของเขมรแดงระหว่างปี 2518-2522

    เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปลายเทศกาลน้ำซึ่งกินระยะเวลา 3 วัน เพื่อเฉลิมฉลองการสิ้นสุดของฤดูมรสุมและการเปลี่ยนทิศทางการไหลของแม่น้ำโตนเลสาบซึ่งเกิดขึ้นสองครั้งในหนึ่งปี รายงานเบื้องต้นได้เสนอว่าผู้เข้าร่วมเทศกาลได้รวมตัวกันบริเวณเกาะพิช ("เกาะเพชร") ดินแดนส่วนที่ยื่นเข้าไปในโตนเลสาบ เพื่อดูการแข่งพายเรือและต่อด้วยการแสดงคอนเสิร์ต โดยมีประชาชนราว 4 ล้านคนเข้าร่วมเทศกาล

    เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นเหตุเหยียบกันเสียชีวิตระหว่างเทศกาลในรอบหลายปี คนพายเรือ 5 คนจมน้ำเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2551 และคนพายเรืออีก 1 คนเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2552 คาดว่าเหตุดังกล่าวน่าจะเป็นเหตุที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในระหว่างเทศกาลน้ำ

    เหตุเหยียบกันเสียชีวิตเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 21.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (14.30 UTC) บนสะพานข้ามแม่น้ำ ถึงแม้ว่าพยานจะกล่าวว่ามีผู้ "ติดอยู่บนสะพาน" หลายชั่วโมงก่อนหน้าเหตุการณ์ดังกล่าว และเหยื่อไม่สามารถเคลื่อนที่ลงจากสะพานได้จนกระทั่งเกิดเหตุเหยียบกันเสียชีวิตแล้วมานานหลายชั่วโมง โฆษกรัฐบาลกัมพูชา เขียว กันหะริด กล่าวว่า เหตุเหยียบกันเสียชีวิตนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดความตื่นตกใจที่มีประชาชนจำนวนหนึ่งรู้สึกหมดสติบนเกาะที่มีผู้คนอยู่แออัดนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 378 คน และอีก 755 คนได้รับบาดเจ็บ ส่วนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และโรงพยาบาลท้องถิ่นหลายแห่งต้องรับมือกับผู้ป่วยจนเกินความจุ เนื่องจากปริมาณของเหยื่อ

    พยานคนหนึ่งได้กล่าวว่าสาเหตุของเหตุเหยียบกันเสียชีวิตนี้มาจาก "มีคนบนสะพานมากเกินไป และคนที่อยู่บนปลายสะพานทั้งสองฝั่งก็ผลักกัน ซึ่งทำให้เกิดความตื่นตกใจในทันที การผลักกันทำให้คนที่อยู่ตรงกลางสะพานล้มลงกับพื้นและถูกเหยียบ" ในขณะที่พยายามหลีกเลี่ยงจากการโดนเหยียบ เขากล่าวว่ามีคนดึงสายไฟฟ้าลงมา ทำให้มีคนจำนวนมากเสียชีวิตจากการถูกไฟฟ้าช็อตด้วย คำกล่าวนี้ได้รับการสนับสนุนโดยแพทย์ที่ทำการรักษาผู้ป่วย ซึ่งกล่าวว่าการตายด้วยไฟฟ้าและการขาดอากาศหายใจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะปฏิเสธคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับการถูกไฟฟ้าช็อตก็ตาม

    นักหนังสือพิมพ์จากพนมเปญโพสต์กล่าวว่า เหตุเหยียบกันเสียชีวิตดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่กำลังตำรวจฉีดน้ำใส่ผู้ที่อยู่บนสะพานเพื่อพยายามที่จะไล่ให้คนลงจากสะพานหลังจากสะพานเริ่มแกว่งไปมา แต่การกระทำดังกล่าวได้ทำให้เกิดความตื่นตกใจของผู้ที่ติดอยู่บนสะพาน

    ตอบลบ