โรคห่าที่ท่าโฉลง โรคห่าเฮติ และโรคห่าปีระกา
เวลาเช้าตรู่ 04.53 น. ของวันที่ 12 มกราคม 2553 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ขนาด 7.0 ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของประเทศเฮติที่อยู่ในย่านทะเลแคริบเบียน ราว 25 กิโลเมตร ส่งผลกระทบต่อประชาชน 3.5 ล้านคนของประเทศนี้อย่างมาก ความรุนแรงทำให้เกิดซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือน สถานที่ราชการ ศาสนสถาน แม้กระทั่งทำเนียบประธานาธิบดี มียอดผู้เสียชีวิตมาก 2.2-2.3 แสนคน ผู้บาดเจ็บ 3 แสนคน และผู้คนไร้ที่อยู่กว่า 1 ล้านคน
นอกจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อระบบสาธารณสุขของประชาชนแล้ว
ยังได้สร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับการระบาดของโรคติดเชื้อที่สำคัญขึ้นมาอย่างไม่มีใครทันตั้งตัว
เก้าเดือนต่อมาหลังจากเกิดแผ่นดินไหว การระบาดของอหิวาตกโรคเริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ
วันที่ 7 มกราคม 2557 มีผู้ไข้เสียชีวิต 8 พันห้าร้อยคน และมีผู้ป่วยอหิวาตกโรครวม 7 แสนคน องค์การอนามัยโลกได้บันทึกเอาไว้เป็นประวัติศาสตร์ของการระบาดที่รุนแรงที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมา
กระทรวงสาธารณสุขและประชากรของประเทศเฮติ ระบุว่า ก่อนปี 2553 ไม่มีรายงานประวัติอหิวาตกโรคในประเทศเฮติ
แม้จะเคยเกิดการระบาดอย่างรุนแรงในภูมิภาคแคริบเบียนในศตวรรษที่ 19 ก็ตาม หลายคนจึงสงสัยว่าอหิวาตกโรคในเฮติครั้งนี้มาจากไหน มีสมมติฐานสองข้อ
ข้อแรกเป็นสมมติฐานที่เชื่อกันว่า เชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่ในดินใต้น้ำจะไม่ก่อให้เกิดโรค
แต่ด้วยแผ่นดินไหวทำให้มีการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมและพัฒนาเป็นสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรค
ขณะที่อีกสมมติฐานหนึ่ง เห็นว่าน่าจะมีการส่งผ่านเชื้อแบคทีเรียของมนุษย์
โดยเชื่อว่าอหิวาตกโรคที่ระบาดอยู่นี้ถูกนำเข้ามาโดยผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ
ความจริงมีข้อสมมุติฐานที่สามอย่างไม่เป็นทางการพ่วงเข้ามาด้วย
คือ ธรรมชาติแล้วชนพื้นเมืองเฮติมีความเชื่อหมอผีวูดูอย่างจริงจัง
แต่ละหมู่บ้านแต่ละกลุ่มชนจะมีวูดูเป็นของตนเอง
ทีนี้การเสียชีวิตของประชาชนจากโรคร้ายนี้ หมู่บ้านที่ไม่ค่อยถูกกันก็เลยเชื่อว่าถูกคุณไสยของหมอผีจากอีกหมู่บ้านหนึ่ง
เมื่อคนในหมู่บ้านเสียชีวิตกันมากขึ้นๆ หมอผีประจำกลุ่มเผ่าก็ถูกลอบสังหารมากขึ้นเรื่อยๆ
ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการบอกว่า มีหมอผีถูกฆ่าด้วยเหตุนี้ไปแล้ว 3 พันคน
เวลาผ่านไป
การทำงานของกลุ่มแพทย์ควบคู่ขนานกันระหว่างการรักษาผู้ไข้โรคห่าเฮติกับการค้นหาต้นเหตุของการระบาด
สมมติฐานข้อที่หนึ่งเป็นอันตกไป ส่วนอันที่สามนั่นวงวิทยาศาสตร์ไม่เชื่ออยู่แล้ว
หมอผีจึงตายฟรี และสมมติฐานข้อที่สองก็ได้รับการยอมรับ คือ
ยอมรับว่าเชื้อโรคร้ายนี้มีผู้นำเข้าจากต่างประเทศ คำถามจึงเกิดขึ้นต่ออีกว่า
“ใครเป็นผู้นำเข้ามา” มองซ้ายมองขวา ใกล้ที่สุดก็อเมริกันชนงัยละ อยู่ใกล้ๆ แค่นี้
ด้วยตามประวัติศาสตร์ที่นั่น ระหว่างศตวรรษที่ 19 และ 20 เคยมีอหิวาตกโรคระบาดใหญ่
7 ครั้ง แต่ก็ได้รับการพิสูจน์โครโมโซมของเชื้อโรคแล้วว่าเป็นคนละสายพันธุ์กับที่ระบาดที่ประเทศเฮติ
พอดีกับคณะแพทย์จากเดนมาร์กที่เป็นผู้เชี่ยวชาญโรคเขตร้อน
เคยมีประสบการณ์ไปทำงานในประเทศเนปาล เคยได้พบเห็นการระบาดของโรคนี้ จึงตั้งประเด็นสงสัยใหม่ว่า
อาจจะเป็นเชื้อแบคทีเรียที่มาจากประเทศเนปาลก็เป็นได้
แล้วก็เริ่มลงมือตรวจสอบโครโมโซม
โดยขอให้เพื่อนแพทย์ที่ยังทำงานอยู่ในเนปาลส่งตัวอย่างเชื้อมาให้วินิจฉัยในห้องปฏิบัติการในสหรัฐอเมริกา
จนได้ข้อสรุปว่า โป๊ะเช๊ะ!
เชื้อแบคทีเรียอหิวาตกโรคที่ระบาดในประเทศเฮติเป็นชนิดเดียวเชื้อแบคทีเรียอหิวาตกโรคที่ระบาดในประเทศเนปาล
คำถามต่อมาจึงไม่ยาก
เพราะองค์การสหประชาชาติระดมกำลังพลจากทั่วโลกมาช่วยเหลือความเสียหายจากแผ่นดินไหวเฮติ
แล้วก็มีกองทหารจากประเทศเนปาลด้วยที่มาช่วยกู้ซากปรักหักพังและค้นหาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
ค่ายของกองทหารเนปาลตั้งอยู่บนที่ราบสูงตอนกลางมิเรบาไลส์ ต้นสายของแม่น้ำเมย่าที่ไหลขึ้นเหนือไปรวมกับแม่น้ำสายใหญ่เพื่อไปลงสู่อ่าวเม็กซิโกทางตะวันตกเฉียงเหนือ
ซึ่งเป็นเส้นทางระบาดของโรคห่าเฮติ แล้วก็ชัดเจนเมื่อมีคนเห็นว่ามีทหารเนปาลนำเอาปฏิกูลทางทิ้งในแม่น้ำ
โรคห่าที่ระบาดแถบปากน้ำโพธิ์
อินทร์บุรี และท่าโฉลง จนทำให้หมอทองเอกเกือบต้องเสียแม่ชบาเมียรักไป
เพราะติดโรคห่าจากผู้ไข้ที่มารักษากินนอนอยู่ที่บ้านหมอทองอินทร์หลังป่าช้า ในละครฮิต
“ทองเอก หมอยาท่าโฉลง” ช่อง 33 อยู่ในขณะนี้ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิด Vibrio Cholerae ที่ลำไส้เล็ก ผู้ไข้จะมีอาการท้องร่วง
ถ่ายเป็นของเหลว ถ่ายไม่หยุด และอาเจียนจนหมดเรี่ยวแรง
ร่างกายเกิดการเสียน้ำจำนวนมาก ทำให้หมดแรงและซีดจนเสียชีวิตได้
สำหรับการระบาดของอหิวาตกโรคในประเทศไทยที่รุนแรงที่สุดในสมัยรัชกาลที่
2 ชาวบ้านเรียกกันว่า “ปีมะโรงห่าลง” มีชาวสยามเสียชีวิตด้วยโรคร้ายนี้กว่าสามหมื่นคน
มีบันทึกของหมอสมิธ (Samuel
John Smith) เรื่อง แพทย์ในราชสำนักกรุงสยามว่า “โรคนี้เริ่มเมื่อปี
2363 แพร่มาจากเกาะปีนังเข้าสู่หัวเมืองชายฝั่งทะเล
ราษฎรจึงพากันอพยพหนีเข้าพระนคร บ้างก็แยกย้ายไปตามหัวเมืองอื่นๆ” หลังจากนั้นโรคร้ายก็แพร่เข้าไปยังกลางพระนคร
ผู้คนตายเป็นเบือเผาศพไม่ทัน ปล่อยให้แร้งทึ้งไปก็มาก จนเป็นที่มาของคำว่า
“แร้งวัดสระเกศ”
สมัยรัชกาลที่ 3
เกิดห่าลงอีกครั้ง โดยระบุชัดเป็นวันที่ 6 มิถุนายน 2392 ปีระกา
คราวนี้เริ่มต้นมาจากประเทศแถบทะเลทางฝ่ายตะวันตกระบาดเข้ามา คราวนี้เรียกว่า
“ห่าลงปีระกา” โรคร้ายนี้ระบาดมาถึงพระนครวันที่ 15 มิถุนายนปีเดียวกัน
แม้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะน้อยกว่าครั้งก่อน แต่เฉพาะในพระนครก็นับจำนวนได้มากถึง
6,153 คน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 เกิดการระบาดของอหิวาตกโรคอย่างหนักถคงสองครั้ง
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2415 ซึ่งมีความรุนแรงกว่าการระบาดในเดือนกรกฎาคม 2424
ในวงการแพทย์ถือว่าสยามโชคดีที่มีแพทย์ชาวตะวันตกเข้ามาทำงานในประเทศ พร้อมๆ
กับการให้ความรู้เรื่องสุขภาวะและโภชนาการ ความรุนแรงของโรคจึงถูกจำกัดให้อยู่ในพื้นที่แคบๆ
อีกครั้งหนึ่งที่มีการระบาดรุนแรงในประเทศไทยของเรา
คือ ปี 2501-2502 ที่มีผู้ป่วยตรงเขตราชบูรณะ กรุงเทพมหานคร แล้วแพร่กระจายออกไปไกลถึง
38 จังหวัด คราวนั้นมีผู้ป่วยเสียชีวิตมากเหมือนกัน 2,372 คน
วิชาภูมิศาสตร์ที่สนใจเรื่องแบบนี้
โดยที่ผ่านมาเคยเขียนชื่อวิชาภูมิศาสตร์การแพทย์เอาไว้ทำการศึกษา
แต่ปัจจุบันขยายขอบเขตความคิดให้ครอบคลุมประเด็นสุขภาพมากขึ้น ประกอบด้วย availability, accessibility,
affordability, acceptability และ accommodation แล้วจึงเขียนชื่อวิชาใหม่ว่า “ภูมิศาสตร์สุขภาพ” ให้เกี่ยวข้องกับปัจจัยทางชีวสังคมที่ก่อให้เกิดการระบาดของโรค
การมีสิ่งอำนวยการดูแลรักษาสุขภาพ การเข้าถึงการดูแลรักษาสุขภาพ การจัดระบบสุขอนามัยและสุขาภิบาล
ฯลฯ ซึ่งมีผู้รู้วางระเบียบวิธีและทำการศึกษากรณีตัวอย่างการแพร่ระบาดของโรคเอาไว้
เป็นแบบแผนให้ได้ใช้ทำการศึกษาแก่คนรุ่นหลัง มีการนำเอาแบบจำลองระบาดวิทยา - epidemic
model ทั้งที่เป็นแบบมาตรฐานทั่วไปมาแสดงรูปแบบการระบาดของโรคบนหลักการ
distance-decay ที่ว่าเมื่อระยะทางห่างออกไป
ความเข้มข้นของปรากฏการณ์จะค่อยๆ ลดลงอย่างเป็นสัดส่วนกัน
หรือแม้กระทั่งการปรับให้เข้ากับสถานการณ์ตามรูปแบบของบาร์เลตต์
รูปแบบโครงข่ายของราโรพอร์ต และรูปแบบห่วงโซ่สองสูงของรีดส์และฟอร์ส
ที่ประเทศเฮติ
ดูเหมือนองค์การสหประชาชาติจะทำคุณแต่ถูกบูชาโทษ ส่วนทหารกล้าจากประเทศเนปาลกับกลายเป็นจำเลยของสังคมเฮติอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
ส่วนหมอผีวูดูในเฮติสามพันกว่าคนก็ถูกสังเวยเซ่นความเชื่อไปอย่างอ้างว้าง
เช่นเดียวกับแม่หมอมั่นแห่งท่าโฉลง คุณแม่จอมโลภของผ่องคนสวย
ที่สุดท้ายก็เป็นผู้แพ้ทุกครั้งทุกกรณี ปล่อยให้ “หมอทองเอกรับบทพระเอกคนเดียว” ในฐานะผู้ยืดหยัดต่อสู้โรคร้ายร่วมกับภริยาและเพื่อนๆ
โดยไม่มีฝ่ายรัฐมาเหลียวแลแม้แต่น้อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น