หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ทองคำบนโลกราคาแพง ไปเอาบนดวงจันทร์กันดีไหม

 ทองคำบนโลกราคาแพง ไปเอาบนดวงจันทร์กันดีไหม

จูสติน ฮาร์เปอร์ (Justin Harper) ผู้สื่อข่าวธุรกิจของบีบีซีนิวส์ รายงานเมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๓ เรื่อง “บนโลกใบนี้ มีทองคำเหลืออยู่เท่าไหร่?” ว่า “ภาวะวิกฤติโควิด-๑๙ ทำให้นักลงทุนสนใจลงทุนทองคำในตลาดหุ้นมากขึ้น”


เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ราคาทองคำทำสถิติสูงสุด โดยพุ่งขึ้นสูงกว่า 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าราคาที่สูงขึ้นนี้ ได้รับแรงหนุนจากผู้ค้าทองคำ แต่ก็ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการจัดการซัพพลายของโลหะมีค่านี้ และตั้งคำถามต่ออีกว่าเมื่อไรราคาที่พุ่งทะลุเพดานนี้จะวกกลับลงมา


ทองคำเป็นที่ต้องการอย่างมากทั้งในตลาดการลงทุน เป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะ และเป็นองค์ประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก


แต่ว่า ทองคำเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งในที่สุดแล้ว ก็พวกเราอาจจะก้าวไปถึงขั้นที่ไม่มีสินแร่ทองคำเหลือให้ขุดขึ้นมาอีกต่อไป


จุดสูงสุดของการขุดทองคำ


ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวถึงแนวคิดเกี่ยวกับ “จุดสูงสุดของการขุดทองคำสูงสุด - gold peak” ว่า เป็นช่วงเวลาทำการเหมืองทองคำที่สามารถขุดขึ้นมาได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในหนึ่งปี ซึ่งมีบางคนในนั้นเชื่อว่า ณ เวลานี้เราอาจก้าวไปถึงจุดนั้นแล้ว


รายงานของสภาทองคำโลก (World Gold Council) เมื่อปี 2019 ระบุว่า โลกของเรามีการผลิตทองคำจากเหมืองทั้งหมด 3,531 ตัน ซึ่งต่ำกว่าปี 2018 เพียงร้อยละ 1% เท่านั้น นับเป็นการลดการผลิตต่อปีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา


"แม้ว่าการเติบโตของอุปทานเหมืองอาจชะลอตัวหรือลดลงเล็กน้อยในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากปริมาณทองคำสำรองที่มีอยู่หมดลง และการค้นพบแหล่งสินแร่ทองคำครั้งใหญ่ใหม่ๆ หายากขึ้นเรื่อยๆ อันนี้บ่งชี้ว่าการผลิตยังคงถึงจุดสูงสุดเล็กน้อย" ฮานนาห์ แบรนด์สแตเอตเตอร์ (Hannah Brandstaetter) โฆษกสภาทองคำโลกกล่าว


เมื่อภาวะถึงจุดสูงสุดของทองคำดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่า หลายปีหลังจากนั้น การผลิตไม่น่าจะลดลงอย่างมากนัก แต่เราจะเห็นการผลิตทองคำลดลงทีละน้อยๆ ในช่วงสองสามทศวรรษ


"เหมืองทองคำจะมีผลผลิตออกมาแบบเรียบๆ ไม่มีอัตราเพิ่มขึ้นมากนัก และดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มลดลง แต่ไม่มากนัก” โรสส์ นอร์แมน (Ross Norman) จาก MetalsDaily.com กล่าวเสริม


ทองคำที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้


บริษัททำเหมืองทองคำประมาณปริมาณทองคำที่ยังคงอยู่ในพื้นดินสองวิธีด้วยกัน คือ


การคำนวณปริมาณทองคำสำรองในเหมือง - reserves โดยดูจากปริมาณสำรองทองคำที่มีความเหมาะสมต่อการทำเหมือง ณ ราคาทองคำปัจจุบัน


ทรัพยากร - resources พิจารณาทองคำที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจเพียงพอที่จะขุดหลังจากการตรวจสอบเพิ่มเติม หรือมีปริมาณอยู่ในระดับราคาที่สูงขึ้นกว่าเดิม


ทั้งนี้ปริมาณทองคำสำรองสามารถคำนวณได้แม่นยำกว่าทรัพยากร แม้ว่าทุกอย่างจะยังไม่ใช่เรื่องง่าย


โดยขณะนี้ปริมาณทองคำสำรองที่อยู่ใต้พื้นดิน สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา (USGS: US Geological Survey) คาดว่าจะยังคงเหลืออยู่ประมาณ 50,000 ตัน


ตามมุมมองดังกล่าวนี้ เชื่อได้ว่า ได้มีการทำเหมืองขุดแร่ทองคำขึ้นมาแล้วทั้งหมดประมาณ 190,000 ตัน แม้ว่าการประมาณการจะแตกต่างกันไป


จากตัวเลขคร่าวๆ เหล่านี้ จึงยังมีสินแร่ทองคำเหลืออยู่ราวๆ ร้อยละ 20 ที่ยังหลงเหลือให้ขุดขึ้นมา เพียงแต่ว่า เป้าหมายที่ว่านี้อาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง


เทคโนโลยีใหม่ๆ อาจทำให้สามารถดึงเอาทองคำสำรองบางส่วนที่พอจะทราบแหล่งที่อยู่บ้าง แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ในปัจจุบัน ให้สามารถนำออกมาใช้ประโยชน์


นวัตกรรมล่าสุดที่ประกอบด้วยบิ๊กดาต้า ปัญญาประดิษฐ์ และดาต้าไมนิ่งอัจฉริยะ ซึ่งอาจเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการดำเนินการและลดต้นทุนลงมาได้


อีกทั้งยังมีการใช้หุ่นยนต์แล้วในบางพื้นที่ และคาดว่าหุ่นยนต์จะกลายเป็นเทคโนโลยีมาตรฐานในการสำรวจเหมืองมากขึ้นเรื่อยๆ


แหล่งสินแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุด


แหล่งทองคำแหล่งเดียวที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ คือ แอ่งวิตวอเตอร์สแรนด์ของแอฟริกาใต้ (Witwatersrand basin) โดยแอ่งใหญ่แห่งนี้มีทองคำทั้งหมดที่เคยขุดขึ้นมาได้ ราวๆ ร้อยละ 30


ส่วนแหล่งแร่ทองคำที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ เหมืองลึกเอ็มโปเนง (Mponeng mine) ในแอฟริกาใต้ เหมืองซูเปอร์พิต ( Super Pit และนิวมอนต์ บอดดิงตัน (Super Pit and Newmont Boddington mines) ในออสเตรเลีย เหมืองกราสเบอร์ก (Grasberg mine) ของอินโดนีเซีย และเหมืองอีกหลายแห่งในเนวาดา สหรัฐอเมริกา


ปัจจุบันประเทศจีนเป็นผู้ทำเหมืองแร่ทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่ประเทศแคนาดา รัสเซีย และเปรู ก็เป็นผู้ผลิตรายใหญ่เช่นกัน


ทั้งนี้บริษัทบาร์ริค โกลด์ (Barrick Gold) เจ้าของเนวาดา โกลด์ ไมนส์  (Nevada Gold Mines) เป็นผู้ทำธุรกิจเหมืองแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดแห่งเดียวในโลก โดยผลิตทองคำได้ปีละประมาณ 3.5 ล้านออนซ์


แม้ว่าจะยังคงมีการค้นพบแหล่งแร่ทองคำแห่งใหม่ๆ อยู่บ้าง แต่ว่าการค้นพบแหล่งขนาดใหญ่กลับกลายเป็นสิ่งที่ยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ


นั่นเองที่ส่งผลให้การผลิตทองคำส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่มาจากเหมืองเก่าที่ใช้งานมาแล้วนานหลายสิบปี


เป็นแหล่งทองคำที่ขุดขึ้นมายากสุดๆ


การทำเหมืองขนาดใหญ่นั้นใช้เงินทุนมาก ต้องดำเนินการด้วยเครื่องจักรและพนักงานที่มีความชำนาญจำนวนมาก เพื่อทำเหมืองขุดบนพื้นที่กว้างใหญ่ ทั้งเหมืองบนผิวดินและเหมืองใต้ดิน


ปัจจุบันนี้ การทำเหมืองทั่วโลกประมาณ ร้อยละ 60 เป็นเหมืองบนผิวดิน ที่เหลือเป็นเหมืองใต้ดิน


“การทำเหมืองจะยากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเหมืองขนาดใหญ่ ที่มีต้นทุนต่ำ และเหมืองเก่าหลายแห่ง เช่นในแอฟริกาใต้ กำลังใกล้หมดสภาพ” นอร์แมนกล่าวเสริม


"ในทางกลับกัน เหมืองทองคำของจีนมีขนาดเล็กกว่ามาก จึงมีต้นทุนที่สูงกว่า"


มีพื้นที่สำหรับการทำเหมืองทองคำที่ยังไม่ได้สำรวจเหลืออยู่ค่อนข้างน้อย แม้ว่าพื้นที่ที่มีแนวโน้มมากที่สุดอาจอยู่ในส่วนของโลกที่มีความมั่นคงไม่มากนัก  เช่น แอฟริกาตะวันตก


บันทึกข้อมูลการผลิตทองคำ


แม้ว่าราคาทองคำจะสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้แปลว่า กิจกรรมการทำเหมืองขุดทองคำจะเพิ่มมากขึ้นได้โดยอัตโนมัติ


ความเป็นจริงแล้ว การเปลี่ยนแปลงการผลิตเหมืองทองคำมักจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาทองคำอย่างมาก "เมื่อพิจารณาถึงขนาดการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง จึงต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนแผนการทำเหมือง เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอก เช่น ราคาทองคำ" แบรนด์สแตเอตเตอร์ กล่าวเสริม


นอกจากนี้ ราคาทองคำที่สูงมากเป็นประวัติการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีการประกาศข้อจำกัดต่างๆ ภายใต้วิกฤติโควิด-๑๙ นั่นทำให้เกิดความยุ่งยากในการทำเหมืองทองคำ เพราะเหมืองต่างๆ ถูกปิดหรือปิดบางส่วน เพื่อลดการแพร่กระจายของไวรัส


การขึ้นลงของราคาทองคำ ได้รับแรงหนุนจากการระบาดของโรคนี้ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน


แหล่งทองคำที่ดูเหมือนไม่ใช่แหล่งทองคำ


แม้ว่าทองคำที่มีอยู่ในพื้นดินอาจหาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่านั่นก็ไม่ใช่แหล่งทองคำเพียงแหล่งเดียวที่มีอยู่ ลองมองขึ้นไปบนฟ้าซิ มีสีทองบนดวงจันทร์ใช่หรือไม่


แต่ว่าค่าใช้จ่ายในการทำเหมืองขุดและการขนส่งสินแร่ทองคำกลับมายังโลกนั้น อาจสูงกว่ามูลค่าของทองคำหลายเท่า


“แม้ว่ามันจะมีอยู่จริง แต่ก็ไม่มีความหมายทางเศรษฐกิจที่จะขนเครื่องไม้เครื่องและคนงานขึ้นไปทำการขุดทองที่นั่น" ซีนีด โอซุลลิแวน (Sinead O'Sullivan) ผู้เชี่ยวชาญด้านอวกาศกล่าว "คุณจะต้องสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลในการขุดและนำกลับมา เรียกได้ว่ามากกว่าที่คุณจะได้รับจากการขายทองคำที่ขุดมาได้"


ในทำนองเดียวกัน ก็ยังมีแหล่งสะสมทองคำที่รู้จักกันดีอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกันที่อาจไม่เป็นการประหยัดสำหรับการขุดขึ้นมา เนื่องทวีปน้ำแข็งแห่งนี้มีสภาพอากาศรุนแรงไม่เอื้ออำนวยต่อการทำเหมือง


นอกจากนี้ ยังมีทองคำยังกระจัดกระจายไปตามท้องมหาสมุทร แต่ก็ถือว่าไม่ประหยัดสำหรับการทำเหมืองทองคำบริเวณนั้นเช่นกัน


แต่ว่ายังปัจจัยหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับทองคำ โดยทองคำมีความแตกต่างจากทรัพยากรที่ไม่หมุนเวียน (non-renewable resources) อื่นๆ เฉกเช่นน้ำมัน เพราะเราสามารถนำทองคำรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ได้ ดังนั้น เชื่อเถอะว่าทองคำไม่มีวันหมดไปจากโลก แม้ว่าเราจะไม่สามารถทำเหมืองทองได้อีกต่อไป


มีทองคำจำนวนมากถูกใช้ในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ถูกมองว่าใช้แล้วทิ้ง เช่นโทรศัพท์มือถือ แม้ว่าปริมาณทองคำในโทรศัพท์โดยเฉลี่ยมีมูลค่าไม่กี่ปอนด์


จึงมีความพยายามที่จะทำการรีไซเคิลทองคำจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งดูเหมือว่ากำลังดำเนินไปด้วยดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น