เราจึงต้องแน่ใจให้ได้ว่า ‘เอไอจะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติจริงๆ‘
เอไอหรือปัญญาประดิษฐ์กำลังจะส่งผลกระทบต่องานเกือบ ร้อยละ 40 ทั่วโลก โดยจะมาแทนที่งานบางส่วนและเสริมงานอื่นๆ เราจำเป็นต้องมีความสมดุลของนโยบายอย่างระมัดระวังเพื่อใช้ศักยภาพของมัน
January 14, 2024
โลกของเรากำลังจวนจะเกิดการปฏิวัติทางเทคโนโลยีที่สามารถเร่งประสิทธิภาพการผลิต ส่งเสริมการเติบโตทั่วโลก และเพิ่มรายได้ทั่วโลก อีกทั้งยังสามารถเข้ามาแทนที่งานที่มนุษย์ทำอยู่และเพิ่มความไม่เท่าเทียมให้เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์ได้
ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ทำให้โลกหลงใหล ทำให้เกิดทั้งความตื่นเต้นและความตื่นตระหนก และก่อให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลก ผลกระทบสุทธิเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ได้ เนื่องจากเอไอจะกระเพื่อมผ่านเศรษฐกิจด้วยวิธีที่ซับซ้อน สิ่งที่เราสามารถพูดได้อย่างมั่นใจก็คือ เราจะต้องกำหนดนโยบายเพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพอันกว้างใหญ่ของเอไอได้อย่างปลอดภัยเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ
การเปลี่ยนแปลงรูปแบบลักษณะของงาน
การวิเคราะห์สิ่งปรากฎใหม่อย่างหนึ่งของเจ้าหน้าที่ IMF จะช่วยตรวจสอบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของเอไอในตลาดแรงงานโลก การศึกษาจำนวนมากได้ทำนายความเป็นไปได้ที่งานทั้งหลายจะถูกแทนที่ด้วยเอไอ แต่เราทราบดีว่าในหลายกรณี เอไอมีแนวโน้มที่จะเสริมการทำงานของมนุษย์ การวิเคราะห์ของ IMF รวบรวมแรงทั้งสองนี้
การค้นพบนี้น่าทึ่งมากว่า การจ้างงานทั่วโลกเกือบร้อยละ 40 แตะสัมผัสกับเอไอในอดีต ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีสารสนเทศมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่องานประจำ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เอไอแตกต่างไปจากนั้น คือ ความสามารถในการส่งผลกระทบต่องานที่ต้องใช้ทักษะสูง เป็นผลให้ประเทศที่พัฒนาแล้วเผชิญกับความเสี่ยงที่มากขึ้นจากเอไอ แต่ยังมีโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากเอไอมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา
ในประเทศที่พัฒนาแล้วนั้น ราวร้อยละ 60 ของงานอาจได้รับผลกระทบจากเอไอ และประมาณครึ่งหนึ่งของงานที่ถูกเปิดเผยอาจได้รับประโยชน์จากการบูรณาการเอไอ ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิต สำหรับอีกครึ่งหนึ่ง แอปพลิเคชันของเอไอ อาจดำเนินงานหลักๆ ที่มนุษย์ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจลดความต้องการแรงงาน ส่งผลให้ค่าจ้างลดลง และลดการจ้างงาน ในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด งานเหล่านี้บางส่วนอาจหายไป
ในทางตรงกันข้าม ในตลาดเกิดใหม่และประเทศที่มีรายได้น้อย การสัมผัสเอไอ คาดว่าจะอยู่ระหว่างร้อยละ 40 และ 26 ตามลำดับ การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่า ตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา จะเผชิญกับการหยุดชะงักจากเอไอในทันทีน้อยลง ในเวลาเดียวกัน หลายประเทศเหล่านี้ ยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานหรือแรงงานที่มีทักษะในการควบคุมประโยชน์ของเอไอ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่เมื่อเวลาผ่านไปเทคโนโลยีอาจทำให้ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างประเทศแย่ลง
AI ยังอาจส่งผลกระทบต่อความไม่เท่าเทียมกันด้านรายได้และความมั่งคั่งภายในประเทศอีกด้วย เราอาจเห็นการแบ่งขั้วภายในกล่องรายได้ โดยคนงานที่สามารถควบคุมเอไอจะเห็นการเพิ่มขึ้นของผลิตภาพและค่าจ้างของพวกเขา และผู้ที่ไม่สามารถล้าหลังได้ การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเอไอช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์น้อยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้เร็วขึ้น คนงานอายุน้อยอาจพบว่าการใช้ประโยชน์จากโอกาสนั้นง่ายกว่า ในขณะที่คนงานที่มีอายุมากกว่าอาจประสบปัญหาในการปรับตัว
ผลกระทบต่อรายได้แรงงานส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับขอบเขตที่เอไอจะเสริมคนงานที่มีรายได้สูง หากเอไอช่วยเสริมแรงงานที่มีรายได้สูงอย่างมีนัยสำคัญ ก็อาจทำให้รายได้แรงงานเพิ่มขึ้นอย่างไม่สมส่วน นอกจากนี้ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจากบริษัทต่างๆ ที่ใช้เอไอมีแนวโน้มที่จะเพิ่มผลตอบแทนจากเงินทุน ซึ่งอาจเอื้ออำนวยต่อผู้มีรายได้สูงด้วย ปรากฏการณ์ทั้งสองนี้อาจทำให้ความไม่เท่าเทียมกันรุนแรงขึ้น
ในฉากทัศน์ณ์ส่วนใหญ่ เอไอมีแนวโน้มที่จะทำให้ความไม่เท่าเทียมกันโดยรวมแย่ลง ซึ่งเป็นแนวโน้มที่น่าหนักใจที่ผู้กำหนดนโยบายต้องจัดการในเชิงรุกเพื่อป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีเพิ่มความตึงเครียดทางสังคม เป็นสิ่งสำคัญสำหรับประเทศต่างๆ ในการสร้างเครือข่ายความปลอดภัยทางสังคมที่ครอบคลุม และเสนอโครงการฝึกอบรมใหม่สำหรับคนงานที่มีภาวะเปราะบาง ในการทำเช่นนั้น เราจะทำให้การเปลี่ยนแปลงของเอไอครอบคลุมมากขึ้น ปกป้องการดำรงชีวิตและลดความไม่เท่าเทียมกัน
เอไอขับเคลื่อนโลกโดยรวม
เอไอกำลังถูกบูรณาการเข้ากับธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกอย่างรวดเร็วอย่างน่าทึ่ง โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ผู้กำหนดนโยบายต้องดำเนินการ
เพื่อช่วยให้ประเทศต่างๆ กำหนดนโยบายที่เหมาะสม IMF ได้พัฒนาดัชนีความพร้อมด้านเอไอ ซึ่งวัดความพร้อมในด้านต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล นโยบายด้านทุนมนุษย์และตลาดแรงงาน นวัตกรรมและบูรณาการทางเศรษฐกิจ ตลอดจนกฎระเบียบและจริยธรรม
ตัวอย่างเช่น องค์ประกอบนโยบายทุนมนุษย์ (human-capital component) และองค์ประกอบนโยบายตลาดแรงงาน (labor-market policies component) ที่จะทำการประเมินด้วยองค์ประกอบต่างๆ เช่น จำนวนปีการศึกษากับการเคลื่อนย้ายตลาดงาน ตลอดจนสัดส่วนของประชากรที่ครอบคลุมด้วยเครือข่ายความปลอดภัยทางสังคม องค์ประกอบด้านกฎระเบียบและจริยธรรมจะประเมินความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับแบบธุรกิจดิจิทัลของกรอบกฎหมายของประเทศ และการมีธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเพื่อการบังคับใช้ที่มีประสิทธิภาพ
เจ้าหน้าที่ IMF ใช้ดัชนีประเมินความพร้อมของ 125 ประเทศ ผลการวิจัยเผยให้เห็นว่า ประเทศที่ร่ำรวยกว่า ซึ่งรวมถึงประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศตลาดเกิดใหม่บางประเทศ มีแนวโน้มที่จะมีความพร้อมสำหรับการนำเอไอมาใช้มากกว่าประเทศที่มีรายได้น้อย แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละประเทศก็ตาม สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และเดนมาร์ก มีคะแนนสูงสุดในค่าดัชนีนี้ โดยพิจารณาจากผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งในทั้ง 4 หมวดหมู่ที่ทำการติดตามตรวจสอบ
ด้วยข้อมูลเชิงลึกจากดัชนีการเตรียมความพร้อมของเอไอ ประเทศเศรษฐกิจขั้นสูงควรจัดลำดับความสำคัญของนวัตกรรมและการบูรณาการเอไอเข้ามาร่วม ขณะเดียวกันก็พัฒนากรอบการกำกับดูแลที่แข็งแกร่ง แนวทางนี้จะปลูกฝังสภาพแวดล้อมของเอไอที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ ซึ่งช่วยรักษาความไว้วางใจของสาธารณชน สำหรับตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา สิ่งสำคัญอันดับแรกควรเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและแรงงานที่มีความสามารถด้านดิจิทัล
ยุคสมัยของเอไอมาถึงแล้ว เพียงแต่ว่ามันยังอยู่ในอำนาจของเราที่จะทำให้แน่ใจว่า มันจะสามารถนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ทุกคน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น