ประเทศไทยบนแผนที่โลก
แม้ว่าจะเคยเรียนวิชา map interpretation, cartography, aerial photo interpretation และ map design มา ระดับที่ได้เกรด A ทุกวิชา แต่ว่าไม่ค่อยได้สร้างแผนที่ขึ้นมาด้วยตัวเองบ่อยนัก ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป อะไรอะไรที่มันเป็น manual ไม่ค่อยมีให้ได้ฝึกได้ทำกันแล้ว ทุกอย่างมันง่ายไปหมด ทั้งด้วยวิธีคัดลอกและหยิบยืม และกลไกคอมพิวเตอร์ที่เร็วปรูดปร๊าดยิ่งกว่ากามนิตหนุ่ม
ด้วยความง่ายอย่างที่ว่ามา เวลาเขียนแผนที่โลก เพื่อแสดง items หรือ contents อะไรๆ ที่จะต้องจัดให้อยู่เข้าไปอยู่ในระดับ global หรือ international items ผู้คนส่วนใหญ่จึงไม่ได้พิถีพิถันกับการเลือกใช้เส้นโครงแผนที่ที่เหมาะสม และอีกส่วนที่หลงลืมกันมากที่สุด ก็คือ การไม่ได้เลือกใช้แผนที่ร่างที่มีทวีปเอเชียหรือมหาสมุทรแปซิฟิกอยู่ตรงกลาง
ไม่ค่อยมีใครใส่ใจหรอก เพราะมันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แค่แผนที่โลกที่มีทวีปยุโรปอยู่ตรงกลาง ใครๆ เขาก็ใช้กันทั้งนั้น แต่ว่าในฐานะนักภูมิศาสตร์ที่เป็นสาขาวิชาที่สามารถผลิตและใช้แผนที่ได้อย่างถูกต้อง เป็นแบบอย่างให้กับคนอื่นที่จะผลิตและใช้แผนที่ เห็นว่าเราไม่ควรละเลยเรื่องง่ายๆ แบบนี้ไป
ประเทศไทยเรา นอกจากสมัยพระบรมไตรโลกนารถ พระนเรศวรมหาราช และพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ประเทศเราไม่เคยมี national vision ที่จะขยายอาณาเขต ไม่มีหลักคิดที่จะไปทำกิจการสำคัญของชาตินอกประเทศ มีแต่หลักคิด “พอเพียงและแบ่งปัน” บนฐานทรัพยากรที่มากพอสำหรับประชาชนคนไทย ฉะนั้น การเขียนแผนที่แสดงอาณาเขตหรือรายละเอียดภายในอาณาเขตของคนไทยเรา จึงยึดโยงอยู่แค่ภายในดินแดนขวานทองเท่านั้น
ไม่เหมือนกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป สาธารณรัฐประชาชนจีน สหพันธรัฐรัสเซีย หรือแม้กระทั่งประเทศญี่ปุ่น ประเทศเหล่านี้ทั้งประชาชนของเขาและผู้นำของเขา มีความคิดที่จะขยายและครอบครองดินแดนๆ ส่วนอื่นๆ นอกประเทศฝังอยู่ทุกคน พวกเขาจึงคุ้นเคยกับแผนที่โลก ที่สำคัญเวลาเขียนแผนที่โลก พวกเขาก็เอาตำแหน่งของประเทศของเขาเป็นศูนย์กลาง แล้ววางตำแหน่งประเทศของเขาเอาไว้ตรงกลางแผนที่โลกฉบับนั่นเสมอ
ประเทศไทยขนาด 5 แสน 1 หมื่น 3 พันตารางกิโลเมตร เทียบขนาดได้พอๆ กับประเทศฝรั่งเศสประเทศเยอรมนี ตำแหน่งที่ตั้งอยู่บนเส้นทางขนส่งของโลก บนยุทธศาสตร์ geopolitics บนแผนที่โลก ประเทศไทยของเราไม่เคยต้องสร้างกำแพงสูงใหญ่กั้นชนชาติไหนใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่เปิดรับมิตรจากแผ่นดินใหญ่ จากอาทิศอุทัย จากเปอร์เซีย จากยุโรป และจากทวีปโคลัมบัส ทุกวันนี้เปิดไทยลีกส์และโรงเรียนประถมต้อนรับนักฟุตบอลและครูสอนภาษาอังกฤษจากกาฬทวีป ที่จะเข้าพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ใครมาดีก็ทำกิจการร่วมกันด้วยดี ใครมาร้ายก็ขับให้ออกไป และกันไม่ให้เข้ามาอีก
ประเทศไทยของเรา มีความยิ่งใหญ่มากกว่าหลายประเทศในโลก ความยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยเป็นอาณานิคมของตะวันตกนั้น คนทั้งโลกรู้ดีและให้การยอมรับ พวกเราประชาชนคนไทยอย่างเราๆ ทั้งหลาย ก็ควรที่จะภูมิใจในความยิ่งใหญ่นั้น เมื่อต้องใช้แผนที่สื่อสารอะไรออกไป ไม่ควรละเลยและหลงลืม ช่วยกันจัดวางตำแหน่งของประเทศไทยเอาไว้ตรงกลางแผนที่
ก่อนจะผ่านเรื่องเล็กๆ แต่มีความสำคัญ ของการเลือกใช้แผนที่โลกแสดงตำแหน่งของประเทศไทยไป ขอยกเอาเรื่องสอนใจในฐานะที่เป็นครูสอนวิชาภูมิศาสตร์ เป็นคำเตือนใจดีๆ ของอาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา ที่คัดลอกมาจากคอลัมน์คนปลายซอย ของเปลว สีเงิน ในไทยโพสต์ออนไลน์ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๕ มีข้อความสอนใจเอาไว้ดังนี้
เมื่อชาวจีนโบราณต้องการอยู่อย่างปลอดภัย พวกเขาได้สร้างกำแพงเมืองจีนที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา โดยเชื่อว่า จะไม่มีมนุษย์หน้าไหน สามารถปีนมันได้ เพราะสูงมาก แต่ทว่า..!
ภายในร้อยปีแรก หลังการสร้างกำแพงนั้น เมืองจีนกลับถูกรุกรานถึงสามครั้ง! แต่ละครั้ง กองทัพบกของศัตรูไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทะลวงกำแพงหรือปีนมันเลยแม้แต่น้อย..!
แต่ทว่า ในทุกครั้ง พวกเขาใช้วิธี "ติดสินบน" ยามเฝ้าประตูแล้วเข้าทางประตูนั่นแหละ แน่นอนว่า ชาวจีนมัวแต่ห่วงเรื่องสร้างกำแพงจนลืมสร้างคนเฝ้ากำแพง..!
เพราะการสร้างคน ต้องมาก่อนการสร้างทุกสิ่ง และนี่คือสิ่งที่คนหนุ่มสาวของพวกเราทุกวันนี้ ต้องตระหนักให้มาก
นักบูรพาคดีคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า
ถ้าท่านต้องการทำลายอารยธรรมของประชาชาติหนึ่งประชาชาติใดมีขั้นตอนอยู่สามอย่าง คือ 1) ทำลายครอบครัว 2) ทำลายการศึกษา และ 3) ล้มบุคคลต้นแบบและตัวอย่างที่ดีงามของพวกเขา
เมื่อแม่ที่ฉลาด ครูที่จริงใจ และต้นแบบที่ดี หายไป ใครเล่าจะเลี้ยงดูต้นกล้าเยาวชนให้มีคุณธรรม??
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น