หมอกสีแดง - ไดอะแกรมถ่านคุโชนของไอพีซีซี
ผู้เขียน มาร์ติน มาฮอนี่ มหาวิทยาลัยโตรอนโต้ แปลและเรียบเรียง พัฒนา ราชวงศ์ สมาคมภูมิศาสตร์แห่งประเทศไทย
สองสามปีที่แล้ว ที่มาร์ติน มาฮอนี่ ได้เขียนบทความสั้นๆ เกี่ยวกับความเป็นมาของไดอะแกรมแสดง 'เหตุผลที่ต้องเป็นกังวล หรือ RFC - reasons for concern' ของไอพีซีซี (IPCC - Intergovernmental Panel on Climate Change) ร่วมกับไมค์ ฮูล์ม ซึ่งต่อมาสิ่งนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักในนามว่า “ถ่านที่คุโชน” (burning embers) และมาร์ตินก็กำลังแสดงรายละเอียดให้มากขึ้นเพื่อเอาในบทความเกี่ยวกับการผลิตและการหมุนเวียนของแผนภาพ และวิธีที่จะทำให้สิ่งนี้กลายเป็นส่วนสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยบทความใหม่นี่เริ่มต้นด้วยการเผยแพร่รายงานของคณะทำงาน Working Group II ของไอพีซีซีเกี่ยวกับผลกระทบ การปรับตัว และความเปราะบาง (Impacts, Adaptation and Vulnerability) พร้อมๆ กับการอัปเดพไดอะแกรมที่แสดงไว้ก่อนหน้านี้ ที่เคยเขียนชื่อเรื่องพาดหัวว่า "มันแย่กว่าที่เราคิดเสียอีก”
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
ถ่านที่กำลังลุกไหม้คุโชนที่ว่านี้ ได้เริ่มต้นชีวิตของมันจากรายงานการประเมินครั้งที่สาม หรือ AR3 (Third Assessment Report) ของไอพีซีซีเมื่อปี 2001 (ดูภาพขวามือด้านล่าง) แผนภาพนี้ใช้แสดงความเสี่ยงที่จะเกิดเพิ่มขึ้น เป็น 'เหตุผลที่ต้องเป็นกังวล' เนื่องจากอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงขึ้น 5 ประการ กรอบของเหตุผลที่ต้องเป็นกังวลนี้ถูกรวบรวมเอาไว้ เพื่อให้ผู้อ่านมีช่องทางอภิปรายเกี่ยวกับสิ่งที่จะเป็นอันตรายต่อมนุษย์จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่องค์การสหประชาชาติได้ออกแบบทางสถาปัตยกรรมหลายอย่างมาเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายต่างๆ (UNFCCC Article 2)
อย่างที่ได้กล่าวแล้วว่า มีเหตุผลที่ต้องเป็นกังวล มีอยู่ 5 ประการ ประกอบด้วย 1) ความเสี่ยงต่อระบบที่มีลักษณะเฉพาะและระบบถูกคุกคาม 2) ความเสี่ยงจากสภาพอากาศรุนแรง (extreme climate events) 3) การกระจายของผลกระทบต่างๆ 4) ผลกระทบโดยรวม และ 5) ความเสี่ยงเป็นวงกว้างที่ไม่ต่อเนื่อง ผู้เขียนไดอะแกรมนี้ทำการทบทวนและประเมินจากงานทางวิทยาศาสตร์ตามกรอบในหมวดหมู่เหล่านี้ และกำหนดระดับความเข้มของสีที่จะเปลี่ยนไปตามแนวตั้งของแต่ละคอลัมน์ ตามที่พวกเขาคิดว่าอุณหภูมิที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงที่เริ่มต้นจาก 'เป็นกลางอย่างแท้จริง' เปลี่ยนไปเป็นระดับที่ค่อนข้างเป็นลบหรือมีความเสี่ยงต่ำ เพิ่มขึ้นเป็นค่าติดลบหรือมีความเสี่ยงสูง
การตีพิมพ์เมื่อปี 2001 ทำให้ไดอะแกรมนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการอภิปรายอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเมื่อพิจารณาจากการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกแต่ละแบบจำลอง ไดอะแกรมนี้จะแสดงให้เห็นถึงเหตุผลเกี่ยวกับประเภทของความเสี่ยงที่อาจเกี่ยวข้องกับวิถีความร้อนที่แตกต่างกันได้รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ไดอะแกรมนี้ไม่ได้ไม่มีผู้ว่า ในกระบวนการทบทวนปี 2001 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ตรวจสอบของรัฐบาลบางคนได้สอบถามถึงความเฉพาะตัวของแนวทางนี้ในการรวบรวมและสื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย (โดยเฉพาะรัฐบาลสหรัฐฯ) ในขณะที่รัฐบาลเยอรมนีก็กังวลว่าไดอะแกรมดังกล่าวแสดงผลกระทบด้านลบในอนาคตไกลเกินไป
นิยามเกี่ยวกับอันตรายที่จะเกิดขึ้น
คำถามเกี่ยวกับความหมายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ก่อให้เกิด 'อันตราย' นั้น ล้วนเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทางญาณวิทยา รัฐศาสตร์ จริยธรรม และวัฒนธรรม การใช้คำตัดสินของผู้เชี่ยวชาญจากข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำถามนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องตกอยู่ในสภาวะน่าอึดอัด ที่จะระบุเหตุผลเชิงญาณวิทยาและเหตุผลเชิงกฎเกณฑ์ เป็นไปได้ไหมที่จะชี้หลักฐานต่างๆ ให้ชัดเจน และการยืนยันระดับความรุนแรงของความเสี่ยงเหล่านั้น หากแบ่งแยกได้แบบนั้นได้แล้ว พอที่จะสื่อสารให้ผู้คนเข้าใจได้ดีขึ้นได้ไหม สีที่ไม่ชัดเจนของไดอะแกรมเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนและไม่แน่นอน รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับขนาดของความเสี่ยงในอนาคต และเกี่ยวกับความสามารถของเราในการตัดสินที่ป้องกันความเสี่ยงที่ยังอธิบายไม่ได้เหล่านั้น
From http://stephenschneider.stanford.edu/Climate/Climate_Impacts/WhatIsTheProbability.html
ไดอะแกรมถ่านคุโชนนี้ ถูกย้ายเข้าและย้ายออกจากโครงสร้างรายงานของไอพีซีซีตลอดมา เมื่อปี 2004 ไมค์ มาสตรันเดรีย และสตีฟ ชไนเดอร์ ได้สร้างไดอะแกรมถ่านคุนี้ขึ้นมาในบทความที่นำเสนอการวิเคราะห์เชิงปริมาณเกี่ยวกับโอกาสหลีกเลี่ยงอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งการเปลี่ยนระดับสีที่ไม่ชัดเจนอย่างที่อธิบายแล้วข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนสีจากสีเหลืองเป็นสีแดง อันถือเป็นจุดข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงการเริ่มต้นเป็นอันตรายต่อมนุษย์
หลังจากนั้นไม่นาน บทเดิมที่สร้างถ่านคุดั้งเดิมก็ได้รับคำสั่งอีกครั้งสำหรับรายงานฉบับต่อไปของไอพีซีซี กรอบเหตุผลที่ต้องเป็นกังวลได้รับการอัปเดตเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ว่าไดอะแกรมเวอร์ชันอัปเดตที่สร้างขึ้นภายหลังในกระบวนการนี้ ถูกละเว้นจากบทสรุปที่มีรายละเอียดสูงสำหรับผู้กำหนดนโยบายหลังจากการเจรจาที่ตึงเครียดในที่ประชุมใหญ่ของรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ สตีพ ชไนเดอร์ เขียนไว้ในอัตชีวประวัติของเขาว่า
“ฝ่ายค้านหลัก ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตัวแทนจากสหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย และนักวิทยาศาสตร์บางคนจากประเทศอื่นๆ พวกเขาคิดว่าระดับความเสี่ยงที่ไล่ระดับสีส้มสดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามความร้อนที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวผู้กระทำเกินไป แทนที่รายงานจะใช้คำอธิบายระดับความเสี่ยงเป็นลายลักษณ์อักษร เนื่องจากคำพูดมีพลังน้อยกว่าไดอะแกรมที่แสดงด้วยสัญลักษณ์ที่มีสีสัน หลายคนจากยุโรป แคนาดา นิวซีแลนด์ และรัฐที่เป็นเกาะเล็กๆ จึงเข้าร่วมแสดงความเห็นแบบนั้น ... ส่วนประเทศผู้ผลิตและพึ่งพาเชื้อเพลิงจากซากบรรพชีวินรายใหญ่ทั้งสี่ประเทศ กลับคัดค้านคำพูดนั้น' (Science as a Contact Sport, 2009. See also Andy Revkin's account here)
From http://www.newscientist.com/article/dn16729-earth-may-be-entering-climate-change-danger-zone.html#.U0PIe_ldWSo
ไดอะแกรมที่ปรับปรุงล่าสุดถูกตีพิมพ์เป็นบทความใน Proceedings of the National Academy of Science ซึ่งมีการวิเคราะห์ใหม่ปรากฏควบคู่ไปกับเวอร์ชัน 2001 เพื่อเปรียบเทียบกัน ทำให้เห็นได้ทันทีว่าการประเมินเหตุผลที่ต้องเป็นกังวลรุนแรงขึ้นอย่างไรบ้าง โดยมีความเสี่ยงสูงที่ระดับอุณหภูมิที่สูงขึ้นต่ำลง ไดอะแกรมนี้สามารถ (และเคย) ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ได้กำหนดให้อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกเป็นตัวแปรหลัก ที่จะมากำหนดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงในอนาคต นไปตามแต่ละพื้นที่ และประสบการณ์ของผู้คนเกี่ยวกับสภาพอากาศและสภาพภูมิอากาศ อันตรายหรือสิ่งอื่นใดจะถูกก่อรูปได้มากกว่าอุณหภูมิ อย่างไรก็ตาม ในปี 2009 ไดอะแกรมนี้เริ่มใช้เพื่อแสดงข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเป้าหมายอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 2 องศา (ดูภาพด้านล่าง) โดยบางคนอ้างว่าไดอะแกรมนี้ได้แสดงให้เห็นว่ามีเป้าหมายสูงเกินไป ขณะที่คนอื่นๆ เสนอแนะว่า ไดอะแกรมนี้เน้นเป้าหมายเป็นนโยบายเชิงปฏิบัติที่เป็นทางเลือก ความหมายของการจัดวางราวกันตก 2 องศาเหนือการเปลี่ยนสีที่คลุมเครือของกองถ่านคุโชนนี้อยู่ในสายตาของคนดูเป็นอย่างมาก (หมายเหตุทางประวัติศาสตร์: เป้าหมาย 2 เซลเซียสและไดอะแกรมถ่านคุโชนนี้ ในส่วนของเนื้อหามีจุดเริ่มต้นร่วมกันกับไดอะแกรม "สัญญาณไฟจราจร" ที่ใช้แสดงอุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์จัดทำขึ้นเมื่อปลายทศวรรษ 1980)
การวิเคราะห์ครั้งล่าสุดของไอพีซีซีเกี่ยวกับแนวโน้มที่เป็นไปของหมอกสีแดงจากระดับมากไปน้อย ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าคราวนี้จะมีการเพิ่มเฉดสีม่วงที่เป็นลางไม่ดีลงในจานสีอันนี้ เพื่อบ่งชี้ว่ามีระดับ "ความเสี่ยงสูงมาก" เกิดขึ้นเป็นสีม่วงที่ดูโดดเด่นที่สุดในคอลัมน์แสดง 'ระบบที่มีเอกลักษณ์และระบบที่กำลังถูกคุกคาม' (unique and threatened systems) โดยรายงานที่อ้างถึงภัยคุกคามเกี่ยวกับน้ำแข็งในทะเลอาร์กติก แนวปะการัง ธารน้ำแข็ง และการสูญพันธุ์ เนื่องจากความกังวลหลักเกี่ยวกับการสูงขึ้นของอุณหภูมิเกิน 2 เซลเซียส (มีคำอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของระดับสี ในหน้า 37-46 ของบทเรื่อง Emergent Risks and Key Vulnerabilities)
From Climate Change: Global Risks, Challenges and Decisions, (c) University of Copenhagen
การปรากฏตัวขึ้นมาของสีม่วงบนไดอะแกรมนั้น ชวนให้นึกถึงแผนที่ที่ทำโดยนักอุตุนิยมวิทยาชาวออสเตรเลีย เพื่อแสดงช่วงคลื่นความร้อนเมื่อปีที่แล้ว เมื่อพวกเขาไม่มีเฉดสีเหลือพอสำหรับแสดงสัญลักษณ์ของอุณหภูมิที่สูงขึ้น ดาเมียน คาร์ริงตัน แห่งนิตยสารข่าวการ์เดียน ระบุเรื่องนี้ว่า นี่เป็น "สัญญาณของสิ่งที่จะเกิดขึ้น" ไดอะแกรมถ่านคุโชนนี้เป็นชุดสัญญาณและสัญลักษณ์ที่น่าสนใจสำหรับแสดงสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งประวัติความเป็นมาของมันทำให้เกิดคำถามที่ท้าทายหลายอย่าง ไม่เพียงแต่การสื่อสารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับบทบาทของการตัดสินของผู้เชี่ยวชาญและขอบเขตระหว่างการประเมินตามวัตถุประสงค์และตามอัตวิสัย - คำถาม ซึ่งไอพีซีซีได้ริเร่ิมขึ้นมาอย่างจริงจัง คำถามดังกล่าวปรากฏอยู่ในการประชุมเต็มคณะ ที่สรุปมาเป็นรายงานและได้รับการรับรองจากรัฐบาลของชาติต่างๆ ซึ่งประเด็นริเริ่มสู่การเจรจาส่วนใหญ่ ดูเหมือนจะหมุนวนไปรอบๆ เกณฑ์อุณหภูมิที่กำหนดไว้ในไดอะแกรม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการจำกัดขนาดของภาวะโลกร้อน เอาไว้ที่ 1.5 หรือ 2 เซลเซียส ซึ่งท้ายที่สุด เมื่อไดอะแกรมเริ่มรกรุงรังไปด้วยการกำหนดนโยบายที่เป็นแนวทางตรงกันข้าม รัฐบาลของสหราชอาณาจักรจึงได้ "เสนอให้ลบเส้นประทั้งหมดออก เพื่อให้มีความเป็นกลางทางวิทยาศาสตร์"
แผนภาพการเผาที่ลุกไหม้มีส่วนทำให้เกิดความเสี่ยงในการกำหนดกรอบความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในรายงานของไอพีซีซี ซึ่งเจมส์ เพนเตอร์ ได้ให้ความเห็นไว้ที่นี่ บางคนอาจหดตัวในกรอบนี้ เนื่องจาก 'ความเสี่ยง' ในด้านอื่นๆ ของการเมืองสิ่งแวดล้อมมักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนการต่อสู้ที่ซับซ้อนเหนือค่านิยม ความสนใจ และความไม่แน่นอนให้เป็นปัญหาซึ่งสามารถทราบและจัดการได้ในวิธีที่ไม่เป็นประชาธิปไตยและทางเทคโนโลยี แต่นั่นเป็นการอภิปรายที่กว้างกว่ามาก สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งเกี่ยวกับการปรากฎตัวใหม่ของไดอะแกรมถ่านคุโชน ก็คือ มันได้แปรสภาพเป็นเวอร์ชันที่พยายามแสดงให้เห็นว่าระดับความเสี่ยงและความเปราะบางทางสังคมที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อระดับความเสี่ยงที่ต้องเผชิญอย่างไร พร้อมกับเส้นทางความเสี่ยงที่สังคมต่างๆ สถานการณ์ทางการเมืองอาจทำให้เราเข้าไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ดังนั้น ในขณะที่การทำซ้ำของกรอบเหตุผลที่ต้องเป็นกังวล ก่อนหน้านี้ได้พิจารณาเฉพาะศักยภาพของการปรับตัวโดยอัตโนมัติต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (กล่าวคือ สิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้าอื่นนอกเหนือจากความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) นี่คือ ตัวแปรทางสังคมชุดใหม่ทั้งหมดได้ถูกนำมาใช้





ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น