หน้าเว็บ

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2568

ภูมิศาสตร์สงครามแย่งชิงทรัพยากร

 ภูมิศาสตร์สงครามแย่งชิงทรัพยากร

พัฒนา ราชวงศ์ อาศรมภูมิวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาภูมิศาสตร์  มหาวิทยาลัยนเรศวร 

การแก่งแย่งกันเพื่อครอบครองทรัพยากรธรรมชาติได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนท่ามกลางคำอธิบายของความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธ ตั้งแต่ความกลัวเรื่องการเพิ่มขึ้นของประชากรและการขาดแคลนที่ดินของชาวมอลธูเซีย ไปจนถึงผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติในเรื่องทรัพยากรที่นิยามว่าเป็น “ยุทธศาสตร์” ทางด้านอุตสาหกรรมหรือทางการทหาร เช่น น้ำมันและยูเรเนียม การเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติและการแปลงของธรรมชาติเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ซื้อขายได้กลายมาเป็นกระบวนการทางการเมืองที่ลึกซึ้ง ซึ่งกองทัพสามารถเข้ามามีบทบาทครอบงำหรือต่อต้านได้ เรื่องราวของกองกำลังแยกดินแดนที่ติดอาวุธภายในประเทศอินโดนีเซียและไนจีเรีย ความพยายามผนวกประเทศคูเวตและสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อในประเทศอังโกลาและฟิลิปปินส์ และการรัฐประหารในประเทศอิหร่านและเวเนซุเอลา ล้วนเป็นเรื่องสำคัญที่มีมิติทรัพยากรเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจเป็นไปได้ว่า ลัทธิการก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1990 นั้น อยู่ในขอบเขตที่เป็นผลย้อนกลับที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน การส่งกำลังทหารของสหรัฐฯ เข้าไปในประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อจะจัดการการทุจริตของประเทศต่างๆ รอบอ่าวอาหรับ และที่น่าขัน คือ นี่เป็นส่วนหนึ่งของการจัดหาเงินทุนให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย

เนื้อหาสาระของบทนี้จะเป็นการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างทรัพยากรและความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธ โดยเน้นที่สินค้าโภคภัณฑ์ที่ซื้อขายอย่างถูกกฎหมายในตลาดต่างประเทศ และทรัพยากรที่ขุดและสกัดขึ้นมาได้ โดยเฉพาะน้ำมัน แร่ธาตุ และไม้ นอกเหนือจากสงครามแย่งชิงทรัพยากรที่เป็นประเภทความรุนแรงของพฤติกรรมการแข่งขัน สารัตถะของบทนี้จะเป็นการยืนยันว่าการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรและการพึ่งพาทรัพยากรของประเทศผู้ผลิตจำนวนมาก มีบทบาทสำคัญในการสร้างแรงจูงใจและโอกาสของการพัฒนาที่ไม่สม่ำเสมอ มีการกำกับดูแลที่ไม่เหมาะสม มีการออกกฎบังคับ มีการก่อจลาจล และมีการแทรกแซงจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบตามประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมทางการเมือง สถาบัน และย่านใกล้เคียงในภูมิภาค รวมถึงสถานะของประเทศในระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศ แต่ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ล้วนมีส่วนในความสัมพันธ์กัน การรวมทรัพยากรเข้ากับความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธยังมีนัยยะเฉพาะตามเส้นทางผ่านอิทธิพลที่มีต่อแรงจูงใจ กลยุทธ์ และศักยภาพของคู่แข่ง แน่นอนว่าเป้าหมายทางการทหารมักประกอบด้วยโอกาสทางธุรกิจเชิงพาณิชย์มากกว่าเป้าหมายทางการเมือง ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายในการมีส่วนร่วมกับคู่ต่อสู้ อาจคำนวณออกมาให้อยู่ในรูปผลตอบแทนทางการเงิน ส่วนต่อไปนี้จะสำรวจความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับทรัพยากรและความขัดแย้ง บทบาทของการพึ่งพาทรัพยากรท่ามกลางสาเหตุของความขัดแย้งภายในรัฐและระหว่างประเทศ และวิธีที่การแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติมีส่วนสัมพันธ์กับความขัดแย้ง

สมมุตฐานเกี่ยวกับสงครามแย่งชิงทรัพยากร

ตามที่นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน ปีเตอร์ เกลอิก (1991) ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า ทรัพยากรธรรมชาติที่เคยถูกใช้ไปแล้วในอดีต และจะถูกใช้อีกในอนาคต ล้วนแล้วแต่เคยเป็นเครื่องมือหรือเป้าหมายของสงคราม และเป็นเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่ต้องต่อสู้เพื่อครอบครองทรัพยากรเหบ่านั้นอย่างไรก็ตาม มีการถกเถียงกันมากมายเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างทรัพยากรธรรมชาติ ความขัดแย้ง และความรุนแรง

การคิดเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับทรัพยากร ถูกครอบงำด้วยสมการที่เชื่อมโยงการค้า สงคราม และอำนาจ ด้วยแก่นแท้ของทรัพยากรที่มีค่าจากดินแดนโพ้นทะเลและการเดินเรือกลางทะเล ระหว่างยุคสำรวจของศตวรรษที่ 15 การค้าและสงครามมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด อาณุภาพของกองทัพเรือพยายามที่จะสะสมความร่ำรวยของโลก ที่ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของโลหะมีค่าที่ใช้อ้างอิงดุลอำนาจ เงินตราเป็นสายใยแห่งสงคราม และสำหรับนักปรัชญาการเมือง เรย์มอนด์ อารอน (1966) ที่ถอดความของคาร์ล วอน เคลาเซวิตซ์ (1780-1831) ออกมาได้ใจความว่า การพาณิชย์ได้กลายเป็นความต่อเนื่องของสงครามด้วยวิธีการอื่น เนื่องจากอำนาจทางทะเลต้องพึ่งพาการเข้าถึงไม้ซุง อุปทานของทรัพยากรนี้จึงกลายเป็นความมุมานะของมหาอำนาจยุโรปรายใหญ่นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา ที่มีแรงจูงใจในการสร้างพันธมิตร  การค้า และสร้างอาณาจักรของพวกเขาขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอังกฤษที่ได้ดำเนินนโยบายเปิดทะเลทุกมิติจนนำไปสู่การแทรกแซงทางอาวุธหลายครั้งในทะเลบอลติก

ด้วยการเติบโตของอุตสาหกรรมและการพึ่งพาวัตถุที่นำเข้ามากขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 มหาอำนาจตะวันตกจึงเพิ่มการควบคุมวัตถุดิบ ด้วยสิ่งนี้เมื่อบูรณาการร่วมกับปัจจัยอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น อุดมการณ์และศักดิ์ศรีทางการเมือง ในที่สุดก็นำไปสู่การแย่งชิงจักรวรรดินิยมไปทั่วโลก ความคิดริเริ่มเกี่ยวกับจักรวรรดินิยมยังคงมีอิทธิพลต่อยุทธศาสตร์การหลอมรวมความพอเพียงทางเศรษฐกิจของปรัสเซียนด้วยการสร้างความมั่นคงในการเข้าถึงทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่สำคัญ หรือ Lebensraum ขณะที่ศักยภาพอันโดดเด่นของทางรถไฟ ก็ช่วยอำนวยให้สามารถควบคุมทรัพยากรได้แบบข้ามทวีป ด้วยการเดินทางทางบกที่เหนือกว่าอำนาจทางทะเลที่เคยมีมาก่อน ที่สำคัญเป็นการกระตุ้นแนวคิดสำคัญเกี่ยวกับ "ดินแดนที่เป็นหัวใจของโลก - heartland" ของฮาลฟอร์ด แมกกินเดอร์ (1904) ที่นำเสนอเอาไว้ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ความสำคัญของการนำเข้าทรัพยากรโดยเฉพาะน้ำมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้ตอกย้ำแนวคิดเรื่องความเปราะบางของทรัพยากรที่เคยมีมาก่อนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อย่างไรก็ดี การคิดเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับทรัพยากรในช่วงสงครามเย็นยังคงมุ่งเน้นไปที่ความเปราะบางของการพึ่งพาการจัดหาทรัพยากร และพิจารณาถึงศักยภาพของความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เกิดจากการแข่งขันเพื่อเข้าถึงทรัพยากรหลัก

นักรัฐศาสตร์อเมริกันอย่างไมเคิล แคลร์ (2001) ตั้งข้อสังเกตถึงการเติบโตของลัทธิบริโภคนิยมขนาดใหญ่และการขยายเศรษฐกิจระหว่างประเทศในทศวรรษ 1990 และระบุว่าสงครามแย่งชิงทรัพยากรเป็นการหมุนเวียนในระดับขนาดที่มีนัยสำคัญ เหนือการไล่ตามหรือการครอบครองวัตถุที่สำคัญ ด้วยการหลอมรวมการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ที่นำไปสู่การขยายตัวของความต้องการวัตถุดิบอย่างไม่หยุดยั้ง การคาดการณ์ว่าจะเกิดความขาดแคลนทรัพยากร และการแย่งชิงความเป็นเจ้าของทรัพยากร การบริโภคและความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นของเอเชียสร้างความกังวลอย่างากต่อพื้นที่รอบอ่าวเปอร์เซีย ภูมิภาคแคสเปียน และทะเลจีนใต้ หากกลไกตลาดและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสามารถบรรเทาปัญหาเหล่านี้ได้ แคลร์ยังคงมองโลกในแง่ร้ายว่า โดยพื้นฐานแล้ว จะมีประเทศที่มีความพร้อมที่สามารถอ้างสิทธิ์ในทรัพยากรหรือนำเข้าทรัพยากรเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา เพื่อรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงทรัพยากรของพวกเขาผ่านการใช้กำลังทหาร รวมถึงการสร้างความไม่แน่นอนทางการเมืองของภูมิภาคที่เป็นผู้ผลิตให้เกิดขึ้นในหลายๆ ภูมิภาค

ความคิดเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับทรัพยากรและความปลอดภัยที่ถูกละเลยไปนาน ทำให้เกิดสมมติฐานใหม่ที่มุ่งเน้นเรื่องภัยคุกคามของความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมอย่างรวดเร็วและผลกระทบต่อสังคมท้องถิ่น มาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 ซึ่งนำไปสู่การนิยามความมั่นคงของชาติขึ้นมาใหม่ แนวคิดดังกล่าวนี้ คือความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อม ที่เกิดขึ้นเพื่อสะท้อนแนวคิดเรื่องการพึ่งพาอาศัยกันทั่วโลก แสดงให้เห็นผ่านการโต้เถียงกันเรื่องภาวะโลกร้อน ข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมที่มีต่อการเติบโต และการเชื่อมโยงกับการอพยพที่ไม่สามารถควบคุมได้กับความไม่มั่นคงทางการเมือง ที่อาจส่งผลกระทบมากมายได้ทั้งต่อประเทศด้อยพัฒนาและประเทศพัฒนาแล้ว ควบคู่ไปกับความมั่นคงของมนุษย์ แนวความคิดนี้ยังเน้นถึงผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของบุคคลมากกว่ารัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนยากจนในประเทศกำลังพัฒนา สมมติฐานเกี่ยวกับสงครามสีเขียว ที่เกี่ยวข้องกับวาทกรรมเรื่องความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อม มีเหตุผลว่า การขาดแคลนทรัพยากรหมุนเวียนส่วนใหญ่ เช่น ที่ดิน น้ำ หรือป่าไม้ ที่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือระหว่างชุมชน อันอาจส่งผลให้เกิดความโกลาหลที่อาจลุกลามไปสู่สงครามกลางเมืองขึ้นได้ เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้นและทำลายทรัพยากรสิ่งแวดล้อม การยึดครองทรัพยากรโดยกลุ่มที่มีอำนาจเหนือกว่า ผนวกกับแรงกดดันด้านประชากร และความขัดแย้งทางสังคมเพิ่มขึ้น จะนำไปสู่สถาบันที่อ่อนแอ การแบ่งส่วนทางสังคม และความขัดแย้งที่รุนแรงในท้ายที่สุด อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในประเทศรวันดา ความรุนแรงในครอบครัวและระหว่างบุคคล เพิ่มความรุนแรงขึ้นจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ความขัดแย้งในดินแดนที่แพร่หลาย ความไม่เท่าเทียมกันที่เพิ่มขึ้น และการคุกคามของการไร้ที่ดิน เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงกับสงครามกลางเมืองและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในปี 1994

การวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับประวัติสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นและสถาบันทางสังคม ที่จัดสรรการเข้าถึงทรัพยากร โดยเน้นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ดิน ดังวิกฤตระยะยาวของการเกษตรเพื่อยังชีพในที่ราบสูงของประเทศเปรูที่เป็นผลมาจากการพลัดถิ่นของชาวอินเดียนไปยังดินแดนชายขอบในช่วงยุคอาณานิคม ซึ่งรุนแรงมากขึ้นจากการเติบโตของประชากรและการปฏิรูปที่ดินที่ไม่มีประสิทธิภาพในทศวรรษ 1970 มีส่วนอย่างมากในการจลาจลของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเปรู หรือเซนเดโร ลูมิโนโซ ทำนองเดียวกัน ในประเทศโซมาเลีย ความตึงเครียดเกี่ยวกับพื้นที่เกษตรริมแม่น้ำที่มีจำกัด ซึ่งรุนแรงขึ้นจากการบิดเบือนกฎหมายที่ดินของรัฐบาลเผด็จการของนายพลซิยาด แบร์ (1919-1995) อันเป็นกลยุทธ์ในการรวมระบอบการปกครองของเขา ถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในพลวัตทางสังคมที่สำคัญที่ทำให้เกิดสงครามทำลายล้างในพื้นที่โซมาเลียตอนใต้ ช่วงทศวรรษ 1990

แม้ว่าจะมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับการกีดกัน ความคับข้องใจ และการต่อต้านในรูปแบบต่างๆ ด้านสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นในหลายๆ ภูมิภาคของโลก รวมถึงการก่อความรุนแรงด้วย แต่ก็ยังมีการโต้แย้งบางข้อขัดแย้งกับสมมติฐานของสงครามสีเขียว กลไกตลาด และความเป็นปึกแผ่น สามารถถ่วงดุลความขาดแคลนในพื้นที่ได้ในระดับหนึ่ง ตลอดจนกระตุ้นและอำนวยความสะดวกในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงทรัพยากรและการดำรงชีวิต ในแง่นี้ การขาดแคลนทรัพยากรและความกดดันด้านประชากรอาจส่งผลให้เกิดนวัตกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งรวมถึงการกระจายทางเศรษฐกิจ ซึ่งมักจะนำไปสู่ความมั่นคงด้านอาหารและการกระจายอำนาจที่เท่าเทียมกันในสังคม สิ่งนี้เป็นการยืนยันถึงการสนับสนุนบทบาทของสถาบันทางสังคมมากกว่าปัจจัยแวดล้อมที่เป็นตัวกำหนด คำยืนยันที่ว่าช่องว่างของความเฉลียวฉลาดช่วยป้องกันกลไกการปรับตัว เนื่องจากความขาดแคลนมักจะทำให้ความอดทน ความเอื้ออาทร และความร่วมมือมีน้อยลง แต่ก็เป็นอันตรายในแง่ของภาพรวมทางวัฒนธรรมและเชิงสถาบันด้วย นักวิจารณ์มักประณามแนวคิดมัลธัสใหม่ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ที่ว่าด้วยสมมติฐานตามแนวความคิดของโธมัส มัลธัส และอคติของตะวันตกที่มีต่อความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมและสงครามสีเขียว และได้เน้นถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมกันของอำนาจภายในสังคมท้องถิ่นและเศรษฐกิจการเมืองทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านบริษัทขุดและสกัดทรัพยากรข้ามชาติ ตลอดจนความเฉพาะเจาะจงของพื้นที่ของความรุนแรง ที่ฝังรากอยู่ในท้องถิ่น ประวัติศาสตร์ และความสัมพันธ์ทางสังคม แต่ยังเชื่อมโยงกับกระบวนการที่ใหญ่ขึ้นของการเปลี่ยนแปลงทางวัตถุและความสัมพันธ์เชิงอำนาจ

เมื่อสงครามเย็นสงบลงในช่วงปลายทศวรรษ 1980 เกิดมีความสนใจกลไกภายในและผลลัพธ์ของสงครามกลางเมืองขึ้นมาอีกครั้ง บนมุมมองที่ว่าบางประเทศที่ยากจนต้องตกเป็นเหยื่อของความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดการแย่งชิงทรัพยากรครั้งใหม่ในหมู่ขุนศึกที่โดดเด่นในท้องถิ่นและมหาอำนาจในภูมิภาคนั้น ตามคำยืนยันของนักวิชาการที่เกี่ยวกับ สงครามแห่งความโลภ การก่อกบฏไม่ใช่รูปแบบการประท้วงรุนแรงที่เป็นผลมาจากความคับข้องใจ แต่เป็นวิธีการที่รุนแรงในการสร้างผลกำไร แทนที่จะถูกขับเคลื่อนด้วยแรงจูงใจทางการเมือง การกบฏจะสะท้อนถึงการไขว่คว้าโอกาสที่สร้างกำไรผ่านการโจรกรรมขนาดใหญ่ ในมุมมองนี้ สงครามถูกขับเคลื่อนด้วยความโลภและโอกาสในการปล้นทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงสามารถแลกเปลี่ยนได้ในระดับสากล มากกว่าที่จะมาจากความคับข้องใจ ต่อทรัพยากรที่หายากซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตเพื่อยังชีพ

น้ำมัน เพชร และไม้ เป็นทรัพยากรสำคัญที่ถูกระบุบ่อยที่สุดว่าในบรรดาสินค้าโภคภัณฑ์หลัก ที่คาดว่าจะเป็นชนวนหรือเชื้อเพลิงก่อให้เกิดสงครามแห่งความโลภที่ว่านั้น เพราะเก็บภาษีได้ง่าย ทรัพยากรดังกล่าวจึงเป็นตัวแทนของรางวัลแห่งการควบคุมของรัฐหรือครอบครองดินแดน และจะช่วยเพิ่มความเสี่ยงของความขัดแย้งที่เกิดจากความโลภ จากความเอื้ออำนวยสิ่งต่างๆ ให้แก่กลุ่มติดอาวุธด้วยการซื้อยุทโธปกรณ์ทางทหารเพื่อการปล้นสดมภ์ ในประเทศกัมพูชา ไลบีเรีย และฟิลิปปินส์ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเติบโตขึ้นมาจากการตัดไม้ เพราะไม้เนื้อแข็งเขตร้อนมีมูลค่ามากเหลือเกิน ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก การควบคุมและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น เพชร โคลแทน (โคลัมไบท์-แทนทาไลต์) ทองคำ และไม้ เป็นแรงจูงใจสำคัญ และเป็นส่วนสนับสนุนทางการเงินที่รับผิดชอบการคงอยู่ของความขัดแย้ง

โดยทั่วไปแล้วความขัดแย้งส่วนใหญ่หลังสงครามเย็นขาดผู้สนับสนุนจากต่างประเทศ ลักษณะเดียวกับการขาดการสนับสนุนที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งสำหรับการทำสงคราม ผู้ทำสงครามจึงต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนเชิงพาณิชย์หรือแหล่งเงินทุนที่ล่ามาได้ ซึ่งมักมุ่งเป้าไปที่ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ นี่ไม่ได้หมายความว่าคู่ต่อสู้จะโลภ อย่างเป็นระบบและขับเคลื่อนด้วยวาระทางเศรษฐกิจ แต่ว่าพวกเขาปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจใหม่ของพวกเขา นอกจากนี้ การตีความตามแบบตะวันตกเกี่ยวกับการกบฏในพื้นที่รอบนอกของโลกว่าถูกขับเคลื่อนด้วยความโลภนั้น ค่อนข้างเปิดเผยให้เห็นถึงความกลัว การแก้แค้นแบบป่าเถื่อนของคนจนที่อยากรวย ซึ่งสอดคล้องกับการทำให้ทรัพย์สินของชาติตะวันตกในท้องถิ่นตกเป็นของรัฐโดยขบวนการปลดปล่อยที่เกิดขึ้นหลายครั้งในทศวรรษ 1960 และ 1970 ในที่สุดแนวคิดเรื่องความโลภและความคับข้องใจก็ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม ที่แพร่หลายออกไปทั่ว และมักอยู่ร่วมกันเป็นเหรียญสองด้านที่อยู่บนความสัมพันธ์ของการแสวงประโยชน์ด้วยความโลภของใครบางคนที่ก่อความคับข้องใจของผู้อื่น ดังนั้น เส้นแบ่งระหว่างขบวนการกบฎที่ไม่พอใจกับขบวนการที่โลภมักจะถูกทำให้ไม่ชัดเจน เนื่องจากมีบุคคลและแรงจูงใจหลากหลาย และมีข้อจำกัดที่ผันผวน มีมักจะทำให้เกิดรูปร่างและทิศทางของปรากฎการณ์บนพื้นที่

การตรวจสอบปริมาณทรัพยากรที่มีอยู่และความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธ ยืนยันว่า ทรัพยากรสินค้าหลักที่มีอยู่มากมาย มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของสงครามที่สูงขึ้น ขณะที่การขาดแคลนด้านสิ่งแวดล้อมส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการเกิดความรุนแรงในระดับค่อนข้างต่ำ นักเศรษฐศาสตร์อย่างพอล คอลลิเยร์ และอังเก ฮอฟเฟลอร์ (2005) ทำการศึกษาแล้วพบว่า ประเทศที่เป็นผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์หลักรายใหญ่ต้องเผชิญความเสี่ยงของความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธที่สูงขึ้น ความเสี่ยงนี้จะสูงที่สุดเมื่อสัดส่วนของการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ขั้นต้นมีสันส่วนสูงถึงร้อยละ 26 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ โดยมีความเสี่ยง ร้อยละ 23 เทียบกับความเสี่ยง ร้อยละ 0.5 สำหรับประเทศที่คล้ายกันที่ไม่มีการส่งออกสินค้าหลัก จากนั้นความเสี่ยงก็ลดลง ซึ่งตีความได้ว่า เป็นรัฐที่ร่ำรวยพอที่จะปกป้องตนเองหรือขัดขวางการต่อต้านด้วยอาวุธ หลายรัฐเหล่านี้เป็นผู้ผลิตน้ำมันที่อยู่ในฐานะที่สามารถซื้อสันติภาพทางสังคมจากประชากรที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก ผ่านนโยบายประชานิยมและทางเลือกร่วมของฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ในแง่ของความยาวนานของความขัดแย้งนั้นดูจะมีมากกว่าการระบาดของโรค โดยไม่มีความสัมพันธ์กับการพึ่งพาทรัพยากร ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ที่ทำการศึกษาอีกอีกส่วนใหญ่ยืนยันว่าการเข้าถึงทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์และมีค่าอย่างต่อเนื่อง จะทำให้สงครามยืดเยื้อ นอกจากนี้นักรัฐศาสตร์อย่างอินทรา เดอ ซอยซา (2002) ยังพบอีกว่า แหล่งทรัพยากรหมุนเวียนที่มีอยู่มากมายในประเทศที่ยากจน และทรัพยากรที่ไม่สามารถหมุนเวียนได้ในทุกประเทศ หากมีมากกว่าระดับของการส่งออกที่ต้องพึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐาน จะทำให้โอกาสเกิดความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธเพิ่มมากขึ้น ส่วนสงครามทรัพยากรที่ขาดแคลนที่มีความรุนแรงในระดับต่ำ อันหมายถึงการเสียชีวิตจากการสู้รบ 251,000 รายต่อปี จะมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม แต่การขาดแคลนทรัพยากรหมุนเวียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธ

ทรัพยากรเป็นคำสาปหรือว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำสงครามแย่งชิง

ความหลากหลายของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกรณีในประเทศที่มั่งคั่งและขาดแคลนทรัพยากรยืนยันได้ดีเกี่ยวกับความขัดแย้งที่ถูกกำหนดเอาไว้อย่างเป็นระบบของทรัพยากรที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไปต่อการเกิดความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธ หากการพึ่งพาทรัพยากรมากกว่าความมั่งคั่ง หรือความยากจน เป็นตัวเชื่อมโยงทรัพยากรเข้ากับสงคราม การพึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์เบื้องต้นที่คอลลิเยร์ระบุว่าเป็น ปัจจัยเสี่ยงที่ทรงพลังที่สุด ของสงครามกลางเมือง ก็ยังคงต้องตั้งคำถามต่อไป วัฒนธรรมทางเศรษฐกิจและการเมือง สภาพแวดล้อมของสถาบัน และบุคลิกภาพส่วนบุคคล ที่สร้างและจัดการทรัพยากรทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติ ก็ยังคงเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ จนกลายเป็นคำสาปทรัพยากร นอกเหนือจากบริบทเฉพาะที่กล่าวมาหรือไม่? ความขัดแย้งที่เชื่อมโยงกับทรัพยากรร่วมสมัยยังหยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์อันรุนแรงของการดึงดูดทรัพยากรที่เป็นตราตรึงติดเอาไว้อย่างต่อเนื่องของลัทธิการค้า ทุนนิยม อาณานิคม และการปกครองแบบประชาธิปไตย ไม่ว่าทรัพยากรเหล่านี้จะเป็นทาส ยางพารา ที่ดินเพื่อการเกษตร หรือน้ำมัน แต่ภาคส่วนต่างๆ ของทรัพยากรเหล่านี้ล้วนมีความขัดแย้งและรุนแรงมากกว่าภาคส่วนอื่นโดยเฉพาะหรือไม่ และหากเป็นเช่นนั้นอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป นอกจากนี้ ทรัพยากรยังแสดงบริบทเฉพาะและโอกาสของคู่ต่อสู้ ผ่านคุณลักษณะทางกายภาพ สถานที่ และรูปแบบการผลิต ที่แตกต่างกัน จึงควรพิจารณาว่าทรัพยากรที่แตกต่างกันมีปฏิสัมพันธ์กับความขัดแย้งอย่างไร ทางเลือกของการวิเคราะห์ที่เรียกว่าสงครามทรัพยากรควรจะต้องมีความละเอียดละออต่อกระบวนการทางประวัติศาสตร์และการยอมรมอบทรัพยากรธรรมชาติที่สร้างสถานการณ์การพึ่งพาทรัพยากรสำหรับบางประเทศ และความเปราะบางทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เกี่ยวข้องด้วย

การพึ่งพาทรัพยากรมักจะสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์และอุปทานภายในเศรษฐกิจโลก หากทั้งสองอย่างไม่เท่ากันในระดับสากล การเชื่อมโยงสินค้าโภคภัณฑ์ระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคสามารถสะท้อนถึงการพึ่งพาอาศัยกันแบบสองส่วนได้ เช่นเดียวกับในกรณีของปิโตรเลียม ประเทศที่พึ่งพาการส่งออกน้ำมันปริมาณมากเกิดขึ้น ในลักษณะนี้ที่มีรายได้จากสกุลเงินต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมัน ความต้องการด้านพลังงาน ความเข้มข้นของอุปทานหรืออุปสงค์ อยู่ในมือของบางประเทศ หรือหลายบริษัทก็มีอิทธิพลต่อระดับการพึ่งพาอาศัยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น การผลิตและการตลาดของเพชรดิบส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดยกลุ่มผู้ผลิตและผู้ซื้อที่ครอบงำโดยบริษัทเดอ เบียร์ส ของแอฟริกาใต้ ซึ่งเริ่มแรกก่อตั้งโดยเซซิล โรดส์ นักจักรวรรดินิยมชาวอังกฤษ การพึ่งพาอาศัยกันที่สร้างขึ้นโดยเดอเบียร์สได้รวมอำนาจการควบคุมเหนือเหมืองแร่ การเมืองระดับภูมิภาค หรือราคาเพชรโลก เป็นเวลานาน การเลื่อนไหลของทรัพยากรที่แสดงออกอย่างชัดเจนจากการพึ่งพาอาศัยกันดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งและมีความสัมพันธ์เชิงแสวงหาประโยชน์จากพื้นที่ทีเป็นแกนกลางและชายขอบ และสถานการณ์การพึ่งพาอาศัยกันในประเทศผู้ผลิตที่อยู่ตรงชายขอบ การพึ่งพาทรัพยากรมีผลทางการเมืองและเศรษฐกิจเนื่องจากมันได้สร้างการเมืองเฉพาะสถานที่ขึ้นมาและมีอิทธิพลต่อเส้นทางการพัฒนาของภูมิภาคการผลิต ซึ่งโดยรวมแล้ว การส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์หลักในระบบเศรษฐกิจส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์กับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่ดี มีมาตรฐานการดำรงชีวิตต่ำ มีการทุจริตคอรัปชั่น และทำให้ระบอบประชาธิปไตยอ่อนแอ ปัจจัยทั้งหมดนี้อาจก่อให้เกิดความคับข้องใจและความเปราะบางของประเทศที่จะเกิดการจลาจลหรือการแข่งขันทางการเมืองที่รุนแรง ตามที่เดวิด มัวร์ นักเศรษฐศาสตร์การเมืองได้กล่าวเอาไว้ว่า รายได้รอรับที่ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากทรัพยากรแร่และความช่วยเหลือด้านการพัฒนา และต้องเผชิญกับแรงจูงใจที่จำกัดในการต่อรองกับพลเมืองของตนในเรื่องทรัพยากร หรือเพื่อก่อตั้งหรือเคารพกระบวนการประชาธิปไตยเกี่ยวกับรายรับและรายจ่ายสาธารณะ โดยพื้นฐานแล้ว การพึ่งพาเครือข่ายลูกค้าที่ขึ้นกับทรัพยากร รัฐและผู้ปกครองเหล่านี้มีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่น เมื่อราคาทรัพยากรตกต่ำ หรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อย่างเช่นมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แม้ว่าการเช่าทรัพยากรเป็นครั้งคราวทำให้ผู้ปกครองในประเทศโลกที่สามบางคน สามารถรักษาเสถียรภาพทางการเมืองที่เกี่ยวข้อง เพิ่มแรงกดดันจากรายได้จากการส่งออกทรัพยากรที่ลดลงตลอดจนเงื่อนไขการค้า การปรับโครงสร้างและแรงกดดันต่อการทำให้เป็นประชาธิปไตยจากผู้บริจาคระหว่างประเทศ และความคับข้องใจของจำนวนเยาวชนที่เพิ่มขึ้น ได้นำไปสู่ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองที่รุนแรงขึ้น ในบริบทนี้ แม้แต่ระบอบเผด็จการที่มีเสถียรภาพจากรายได้จากการส่งออกทรัพยากรต้องเผชิญกับการเมืองแห่งความล้มเหลว นั่นคือ รูปแบบของความไม่มั่นคงทางการเมืองที่เกิดจากความล้มเหลวของรัฐบาลที่ต่อเนื่องกัน เพื่อสร้างฐานสนับสนุนที่เป็นไปได้สำหรับตนเอง โดยคำนึงถึงตำแหน่งของประเทศในเศรษฐกิจโลก และนำไปสู่การเสื่อมสลายอย่างเป็นระบบ การต่อต้าน และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ผ่านวิธีการเลือกตั้งและ/หรือการทหาร ในบริบทดังกล่าว การเมืองของความล้มเหลวที่มีลักษณะเฉพาะกับระบอบการปกครองของโลกที่สาม มักจะกลายเป็นทำลายการเมือง ที่เน้นไปที่ภาคเศรษฐกิจที่ทำกำไรได้ที่เหลืออยู่ เช่น แร่ธาตุที่มีค่าและไม้ซุงที่ต้องใช้เงินลงทุนเพียงเล็กน้อย

กรอบการทำงานที่วิเคราะห์สงครามแย่งชิงทรัพยากรควรให้ความสนใจกับเงื่อนไขของการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรและความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องและรูปแบบของความรุนแรง ความขัดแย้งในการกระจายสินค้ามักเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับความเป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติและการจัดสรรรายได้และปัจจัยภายนอกเชิงลบที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐ ธุรกิจ และชุมชนท้องถิ่น ความขัดแย้งเหล่านี้สามารถอ่านได้ง่ายที่สุดภายในขอบเขตการควบคุมแบบสาธารณะและแบบส่วนตัว และชุมชนท้องถิ่นกับรัฐส่วนกลาง ทว่าหมวดหมู่เหล่านี้มักเรียบง่ายเกินไป เนื่องจากบุคคลสาธารณะจำนวนมากควบคุมผลประโยชน์ส่วนตัว และผู้นำชุมชนท้องถิ่นปกป้องผลประโยชน์ที่แคบมาก ดังนั้น การวิเคราะห์ความขัดแย้งจึงต้องมีความละเอียดอ่อนต่อบริบทและประวัติศาสตร์ในท้องถิ่น ตลอดจนค่านิยมทางวัฒนธรรมและแนวปฏิบัติทางสังคมนั้นๆ

ตัวอย่างเช่น บนเกาะบูเกนวิลล์ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 1989 เจ้าของที่ดินท้องถิ่นรายใหญ่ ฟรานซิส โอน่า เดินออกจากการประชุมการประเมินสิ่งแวดล้อมที่เหมืองทองแดงและทองคำขนาดใหญ่ปางกูนา ซึ่งให้รายได้จากการส่งออกของปาปัวนิวกินีมากเกือบครึ่งในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ที่ปรึกษาเหมืองเพิ่งปฏิเสธข้อเรียกร้องค่าชดเชยสำหรับมลพิษทางเคมีจากชุมชนท้องถิ่น เนื่องจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ไม่เพียงพอ และไม่มีอาวุธอื่นใดนอกจากระเบิดที่ขโมยมาจากบริษัทเหมืองแร่ โอน่าและเจ้าของที่ดินติดอาวุธคนอื่นๆ ก็ทำการระเบิด เสาไฟฟ้าหลายต้นที่บริเวณเหมือง และเรียกร้องค่าชดเชยด้านสิ่งแวดล้อม 1.1 แสนล้านดอลลาร์ จนนำไปสู่การปิดเหมืองและการแยกตัวออกเป็นรัฐอิสระของปาปัวนิวกินี ในขั้นต้นการกระทำของพวกเขานำไปสู่การปิดเหมืองอย่างรวดเร็ว การปราบปรามและการปิดล้อมโดยรัฐบาล ทำให้ความขัดแย้งกลายเป็นสงครามที่อาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 หมื่นคน ในช่วงทศวรรษหน้า

นอกจากประเด็นด้านการกระจายแล้ว แหล่งที่มาของความขัดแย้งก็อาจเป็นผลโดยตรงหรือโดยอ้อมจากการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรด้วยเช่นกัน ได้แก่ การสูญเสียวิถีชีวิตในท้องถิ่นอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน มลพิษ หรือการบังคับให้ต้องพลัดถิ่น ตลอดจนการจัดสรรโอกาสในการจ้างงานและการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากร การเปลี่ยนแปลงสถานะทางสังคม ระเบียบ และค่านิยมภายในชุมชน ที่เกิดจากโอกาสทางเศรษฐกิจและกิจกรรมทางสังคมใหม่ๆ รวมถึงการบริโภคแบบโอ้อวดโดยกลุ่มที่ได้รับสิทธิพิเศษ และทำให้เส้นทางความผิดทางสังคมรุนแรงขึ้น การย้ายถิ่นที่ขับเคลื่อนโดยการพัฒนาทรัพยากรและการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเมือง มักจะขยายบริการและโอกาสทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นมากเกินไป และยังอาจนำไปสู่ความตึงเครียดระหว่างผู้มาใหม่และคนพื้นเมือง การละเมิดโดยกองกำลังรักษาความปลอดภัย รวมถึงการบังคับให้ต้องพลัดถิ่นและการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด ที่อาจเป็นสาเหตุหลักของความคับข้องใจและความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้น

การแสวงประโยชน์จากทรัพยากรมักมีความเกี่ยวข้องกับรูปแบบของความรุนแรงส่วนบุคคล/ทางกายภาพและเชิงโครงสร้างเฉพาะอย่าง เช่น การจัดสรรทรัพยากร การปรับราคา การบังคับใช้แรงงาน หรือการพลัดถิ่นของประชากร ตลอดจนการทำให้เป็นภารกิจทางการทหารของการแสวงประโยชน์ทั้งถูกและผิดกฎหมาย การสร้างพื้นที่แห่งอำนาจและพื้นที่แห่งการต่อต้านที่เกี่ยวข้องกับการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรเป็นการกำหนดผ่านแนวปฏิบัติด้านวัตถุและการเป็นตัวแทนภูมิศาสตร์ของความรุนแรงภายในและนอกพื้นที่แสวงหาประโยชน์ แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วการก่อกบฏติดอาวุธขนาดใหญ่จะเป็นข้อยกเว้นเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการทางสังคมอื่นๆ เช่น ที่พัก รูปแบบการต่อต้านระดับต่ำ เช่น การลักขโมย หรือการแสดงความคับข้องใจอย่างสันติ เช่น การเดินขบวนและการยึดครองที่ดิน ภูมิศาสตร์ของความรุนแรงดังกล่าวก่อให้เกิดภูมิหลังที่ความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธ อาจกลายเป็นทางเลือกที่ทำได้ และสมเหตุสมผล ในเชียปัส มีกลุ่มป้องกันตนเองและขบวนการซาปาติสตา กบฏติดอาวุธที่ค่อนข้างสงบ เพื่อตอบสนองต่อเศรษฐกิจการเมืองท้องถิ่นมีการยึดครองและการละเลยต่อชุมชนพื้นเมือง เพื่อท้าทาย ระเบียบเสรีนิยมใหม่ของโลกที่อยู่เบื้องหลัง และเพื่อดึงดูดความสนใจของรัฐบาลและสื่อเพื่อการปรับปรุงสถานะการเจรจาต่อรอง ในกรณีนั้น ความรุนแรงที่ถูกจำกัดเอาไว้เป็นเครื่องมือในการยกระดับและการแสดงออกทางการเมือง มากกว่าที่จะใช้เป็นวิธีการจัดสรรโดยตรง ความขัดแย้งที่มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการแสวงหาผลประโยชน์จากน้ำมันในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ มีสาระครอบคลุมประเด็นต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นมลพิษจากการรั่วไหลของน้ำมันแล้วลุกเป็นไฟ การขาดโอกาสในการจ้างงานและการบริการสาธารณะในท้องถิ่น การบังคับให้ต้องพลัดถิ่น อันตรายจากไฟไหม้และการระเบิด รวมถึงการปราบปรามอย่างโหดร้าย ทั้งหลายเหล่านี้ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการต่อต้านทางการเมืองและการต่อสู้ด้วยอาวุธ ตลอดจนการเกิดอาชญากรรมที่มีแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมหรือสังคมเหล่านี้ได้ป้อนรูปแบบเฉพาะของ “ความรุนแรงจากปิโตรเลียม – petroviolence” ซึ่งมีตั้งแต่ความรุนแรงทางสังคมของการทุจริต การปราบปราม และความผิดทางอาญา ไปจนถึงความรุนแรงทางนิเวศวิทยาที่กระทำต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้ระบบนิเวศ นอกจากนี้ การปิดพื้นที่โครงการยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งท่ามกลางปัจจัยอื่นๆ ที่เพิ่มการว่างงานและกระแสการย้ายถิ่นที่หนาแน่นขึ้น มุมมองสุดท้าย ซึ่งพิจารณาในหัวข้อต่อไปนี้ ควรพิจารณาว่าภูมิศาสตร์ทรัพยากรและการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านั้น จะมีอิทธิพลต่อแนวทางของสงครามเหล่านี้อย่างไร

ธรรมชาติ ทรัพยากร และภูมิศาสตร์สงคราม

คู่ต่อสู้มักจะใช้ทุกวิถีทางด้วยเหตุผลทางการเงินหรือเป็นการแสวงหากำไรจากสงคราม ทว่าคุณลักษณะเฉพาะของทรัพยากรและภูมิศาสตร์ทรัพยากรสามารถให้บริบทที่ส่งผลต่อความขัดแย้งได้ โดยในช่วง 40 ปีแห่งความขัดแย้งในประเทศแองโกลา ขบวนการติดอาวุธอูนิตา ได้ใช้แหล่งเงินทุนที่หลากหลาย เช่น การสนับสนุนจากต่างประเทศจากทั้งจีนและตะวันตกอีกหลายชาติ โดยเข้ามาในรูปการลงทุนระหว่างประเทศเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ อันได้แก่ ทองคำ ไม้ซุง สัตว์ป่า และเพชร อย่างไรก็ตาม บริบทหลังสงครามเย็น ภูมิศาสตร์น้ำมันและเพชรเข้ามาครอบงำเศรษฐกิจของทั้งกลุ่มกบฏและรัฐบาล รัฐบาลในลูอันดาได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงแหล่งน้ำมันกึ่งพิเศษซึ่งอยู่นอกชายฝั่ง จึงได้รับการปกป้องจากการโจมตีของกบฏยูนิตา เป็นเหตุให้สามารถในการเข้าถึงแหล่งเพชรที่แผ่ขยายไปทั่วอาณาเขตอันกว้างใหญ่ตลอดช่วงสงคราม ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ายากต่อการควบคุมโดยรัฐบาลอย่างเดียว ในทำนองเดียวกัน เครือข่ายการค้าน้ำมันสามารถเข้าถึงได้โดยรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับในลูอันดาเท่านั้น ในขณะที่อูนิตาได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงผู้ลักลอบขนส่งเพชร ซึ่งพ่อค้าและนักอัญมณีจำนวนมากที่ส่งเพชรจากทุ่งสังหารไปยังห้างสรรพสินค้า อันเป็นผลมาจากการแบ่งเขตเศรษฐกิจสงครามและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเชื่อมโยงแหล่งขุดและสกัดทรัพยากรกับแหล่งบริโภค ทั้งสองฝ่ายได้รับประโยชน์จากกระแสรายได้ที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงสงครามกลางเมืองอันยาวนาน 26 ปี ที่ทำลายล้างแองโกลาและทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่าครึ่งล้านคน

ทรัพยากรธรรมชาติมีความโดดเด่นเป็นพิเศษในเศรษฐกิจสงคราม ไม่เพียงเพราะเป็นทรัพยากรทางเศรษฐกิจเพียงแหล่งเดียวในประเทศยากจนที่มีสงครามเกิดขึ้น แต่ยังมีเหตุสำคัญเนื่องมาจากทำเลที่ตั้งที่มักอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทำให้เสี่ยงต่อการถูกขโมยหรือกรรโชก และมักจะมีโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการเก็บภาษี การเรียกหาประโยชน์ หรือการค้าน้อยมาก ต่างจากการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและการเกษตร กิจกรรมการขุดและสกัดไม่สามารถย้ายไปที่อื่นได้ เมื่อต้องเผชิญกับสงคราม บริษัทที่ขุดและสกัดอาจตัดสินใจที่จะไม่ลงทุนหรือเลิกกิจการ ณ ขณะนั้น แต่โดยทั่วไปแล้ว พวกเขาพยายามที่จะรักษาการเข้าถึงทรัพยากรและปกป้องการลงทุนของตน โดยจ่ายเงินให้ใครก็ตามที่มีพลังตั้งแต่ไม่กี่ดอลลาร์เพียงเพื่ออนุญาตให้รถบรรทุกผ่านจุดตรวจ ไปจนถึงมูลค่าการสัมปทานหลายล้านดอลลาร์ พร้อมโบนัสทั้งเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเงินกู้เพื่อเป็นหลักประกันทรัพยากรที่จ่ายล่วงหน้าการแสวงหาผลประโยชน์ให้เหนือกว่าคู่แข่ง นอกจากนี้ การแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรมักจะสามารถคงอยู่ได้ตลอดบนความขัดแย้ง ไม่ว่าจะโดยผ่านการคุ้มครองโครงสร้างพื้นฐานทางทหารหรือด้วยการลงทุนที่ต่ำ วิธีการแบบนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถนำไปใช้ได้ในเชิงพาณิชย์เป็นอย่างดี นักลงทุนไม่น่าจะรีบเร่งสร้างกิจการเหมืองมูลค่าหลายล้านดอลลาร์หลังจากที่มีการทำลาย แต่ผู้ประกอบการรายย่อยและบริษัทรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะยอมรับความเสี่ยงในการเข้าถึงไม้ซุงและแร่ธาตุที่มีมูลค่าสูง ซึ่งสามารถขุดและสกัดได้โดยใช้ต้นทุนเพียงเล็กน้อย และซื้อขายได้โดยไม่ต้องการความสามารถในการขนส่งขนาดใหญ่

แม้ว่าสภาพแวดล้อมที่อุดมด้วยทรัพยากรโดยทั่วไปจะเอื้ออำนวยต่อการก่อกบฏทางการเงิน แต่โอกาสสำหรับรัฐบาลหรือกลุ่มกบฏในการเข้าถึงรายได้จากทรัพยากรก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ อีกหลายอย่าง รวมถึงความสามารถในการรักษาความปลอดภัยแหล่งทรัพยากร ซึ่งมักตกอยู่ในอันตรายจากกองกำลังรักษาความปลอดภัยของรัฐบาลที่ได้รับค่าจ้างต่ำเกินไปและมีวินัยต่ำ ตลอดจนมีการโจรกรรมอาวุธและมีความผิดทางอาญาที่เกี่ยวข้องกับการทำให้เป็นชายขอบอยู่ในระดับสูง ทำเลที่ตั้งและประเภทของการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเฉพาะเป็นตัวกำหนดการเข้าถึงทรัพยากรผ่านการผลิต การโจรกรรม หรือการกรรโชก ลักษณะทางกายภาพและการตลาดของทรัพยากรเป็นปัจจัยกำหนดการเข้าถึงตลาดของคู่แข่ง และแนวปฏิบัติและการสมรู้ร่วมคิดของธุรกิจช่วยกำหนดความสะดวกที่ทำให้สามารถควบคุมทรัพยากรเหนือคู่แข่งได้ คุณสมบัติและภูมิศาสตร์ทรัพยากรมีความสำคัญเป็นพิเศษ โดยทีการลงทุนในสิ่งที่จำเป็น ความต้องการทางเทคโนโลยีสำหรับการแสวงประโยชน์ และอัตราส่วนราคา/น้ำหนัก เป็นตัวกำหนดว่ากองกำลังกบฏจะมีโอกาสใดบ้าง นอกจากนี้ สิ่งอำนวยความสะดวกทางการค้า เช่น รถบรรทุก และเครือข่ายการเงินระหว่างประเทศ ยังส่งผลต่อการเข้าถึงสินค้าโภคภัณฑ์มากมาย ในพื้นที่ต่างๆ เช่น แอฟริกากลาง ความเสื่อมโทรมของโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เป็นตัวจำกัดการแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เหลือเพียงทรัพยากรที่มีค่าและขนส่งได้มากที่สุดเท่านั้นที่พอจะหาประโยชน์ได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแร่มีค่าและกึ่งมีค่า

ความสามารถในการเข้าถึงทรัพยากรของกองกำลังกบฏ

ทรัพยากร

วิธีการเข้าถึงของกองกำลังกบฏ

ราคา ($/kg)

ขุดและสกัด

ขโมย

กรรโชค

อัญมณีและสินแร่บนธารน้ำ

สูง

สูง

สูง

20-500,000

ไม้ซุง

ปานกลาง

ปานกลาง

สูง

01

สินค้าเกษตร

ปานกลาง

ปานกลาง

ปานกลาง

1.5 (กาแฟ)

น้ำมันบนผืนแผ่นดิน

ต่ำ

ปานกลาง

สูง

0.12

เพชรบนสายแร่หินภูเขาไฟ

ต่ำ

ปานกลาง

ปานกลาง

500,000

แร่โลหะในสายแร่ลึก

ต่ำ

ต่ำ

ปานกลาง

2 (ทองแดง)

น้ำมันนอกชายฝั่ง

ต่ำ

ต่ำ

ต่ำ

0.12

หมายเหตุ ราคาซื้อขายทรัพยากร เป็นราคารประเมินในช่วยทศวรรษ 1990

เราสามารถแยกความแตกต่างของทรัพยากรเพิ่มเติมในแง่ของความใกล้ชิดกับศูนย์กลางอำนาจ ทั้งในเชิงพื้นที่และทางการเมือง โดยทรัพยากรที่อยู่ใกล้เคียงกับศูนย์กลางอำนาจและมีโอกาสน้อยที่จะถูกครอบครองจากกลุ่มกบฏ เมื่อเทียบกับแหล่งทรัพยากรที่อยู่ชายแดนที่ไม่มีตัวแทนทางการเมืองที่เป็นทางการอาศัยอยู่ ทรัพยากรที่อยู่ในดินแดนห่างไกลตามแนวชายแดนที่มีช่องว่างหรือภายในอาณาเขตของกลุ่มสังคมที่ถูกกีดกันทางการเมือง หรือมีการต่อต้านระบอบการปกครองที่ยังหลงเหลืออยู่ แหล่งน้ำมัน แม้ว่ามักจะอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง แต่มักจะได้รับการปกป้องอย่างใกล้ชิดจากรัฐ และยากที่จะถูกปล้นสะดมโดยกองกำลังฝ่ายต่อต้านอำนาจรัฐ เนื่องจากบริษัทต่างๆ จะดำเนินกิจการร่วมกับรัฐบาลที่เป็นที่ยอมรับเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การติดตั้งระบบสาธารณูปโภคบนบก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่อส่งน้ำ ยังคงมีความเสี่ยงสูงต่อแผนการกรรโชก ส่วนทรัพยากรสามารถเข้าถึงกลุ่มกบฏได้ง่ายกว่า หากทรัพยากรเหล่านั้นมีมูลค่าสูง เคลื่อนย้ายสะดวก และกระจายไปทั่วอาณาเขตขนาดใหญ่ แทนที่จะเป็นพื้นที่ขนาดเล็กที่สามารถป้องกันได้ง่ายกว่า การเข้าถึงของกบฏยังขึ้นอยู่กับระดับของการรวมศูนย์และการใช้เครื่องจักรของการผลิต

นอกจากนี้ยังสามารถแยกแยะความแตกต่างแบบกว้างๆ เกี่ยวกับธรรมชาติและการรวมกลุ่มกันของทรัพยากรในแง่ของลักษณะทางกายภาพ การกระจายเชิงพื้นที่ และการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและสังคมระหว่างทรัพยากรแบบกระจายและทรัพยากรแบบที่ตั้งอยู่เป็นจุดๆ ทรัพยากรแบบกระจายจะมีการแผ่กระจายออกไปอย่างกว้างขวางมากและรวมถึงมีการใช้ประโยชน์ทรัพยากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ขนาดใหญ่ บ่อยครั้งอุตสาหกรรมที่ใช้ทุนน้อยกว่า แต่กลับสามารถจ้างแรงงานได้เป็นจำนวนมาก เหล่านี้รวมถึงอัญมณีและแร่ธาตุที่สะสมกันในตะกอนลำน้ำ ไม้ซุง ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และปลา ขณะที่ทรัพยากรที่มีอยู่เป็นจุดๆ จะกระจุกตัวอยู่ในบริเวณพื้นที่ขนาดเล็กและรวมถึงทรัพยากรส่วนใหญ่ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้โดยอุตสาหกรรมการขุดและสกัดที่เน้นการลงทุนสูง เช่น การทำเหมืองแร่ หรือการขุดเจาะน้ำมันที่ต้องขุดลงไปในแนวลึก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมีการจ้างแรงงานจำนวนไม่มากนัก

ตามที่เดวิด คีน (1998) นักสังคมวิทยาแห่งสถาบันเศรษฐศาสตร์แห่งกรุงลอนดอน ได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ ความรุนแรงที่เกิดจากแรงจูงใจทางเศรษฐกิจในหมู่กบฏ จะมีแนวโน้มมากขึ้น เมื่อผลตอบแทนที่เป็นไปได้นั้นยิ่งใหญ่ และเมื่อทรัพยากรธรรมชาติสามารถใช้ประโยชน์ได้ด้วยเทคโนโลยีเพียงเล็กน้อยและไม่จำเป็นต้องควบคุมเมืองหลวงหรือเครื่องจักรของรัฐ อย่างกรณีของสินแร่เพชรที่สะสมตัวอยู่ในเขตลุ่มน้ำ เข้าได้ดีกับคำอธิบายนี้อย่างสมบูรณ์แบบ จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นว่าพวกมันจะได้รับการขนานนามว่าเป็น "เพื่อนที่ดีที่สุดของกองโจร" และประมาณ 2 ใน 3 ของประเทศยากจนที่เป็นแหล่งผลิตเพชรจากลุ่มน้ำนี้มักจะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธ อย่างในประเทศแองโกลา การแสวงประโยชน์จากเพชรสร้างรายได้มากถึง 3 พันล้านดอลลาร์ ให้แก่ขบวนการติดอาวุธอูนิตาของโจนัส ซาวิมบี ในช่วงทศวรรษ 1990 ในทำนองเดียวกัน การควบคุมพื้นที่แหล่งเพชรที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของประเทศเซียร์รา ลีโอน อาจสร้างเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ให้กับขบวนการปฏิรูปรวม ที่เป็นกลุ่มเคลื่อนไหวของกบฏแนวรวมรักชาติไลบีเรีย เช่นเดียวกับในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกตะวันออก กลุ่มกบฏหลายกลุ่มทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการควบคุมเพชรตามผลประโยชน์ของประเทศอูกันดา ในขณะที่รัฐบาลได้มอบสัมปทานแหล่งเพชรที่ดีที่สุดให้แก่กองทัพซิมบับเวเพื่อเป็นการตอบแทนการสนับสนุนต่อรัฐ เพชรที่มีอยู่ในลุ่มน้ำ มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และปกปิดให้มิดชิดได้ง่าย รวมทั้งเพชรที่มีอยู่ในลุ่มน้ำที่ไม่ระบุชื่อและสามารถซื้อขายได้ในระดับสากลนั้น ไม่สอดรับกับระบบการควบคุมของรัฐบาลและการตรวจสอบการข้ามแดนโดยง่าย ดังนั้น เพชรจึงยังเป็นตัวแทนของสกุลเงินทางเลือก สำหรับการฟอกเงินและการจัดหาเงินทุนสำหรับกิจกรรมลับ ซึ่งรวมถึงกลุ่มก่อการร้ายอิสลาม อย่างเช่น อัลกออิดะห์ อีกทั้งยังมีลักษณะเช่นเดียวกับทองคำ กล่าวคือ เพชรยังใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการฟอกเงินสำหรับผู้ก่ออาญากรรม ซึ่งรวมถึงแก๊งค้ายาเสพติดด้วย การแสวงหาผลประโยชน์จากเทคโนโลยีต่ำของเพชรที่มีอยู่ในลุ่มน้ำ ยังเอื้อให้เกิดการแสวงหาประโยชน์อย่างผิดกฎหมายโดยเครือข่ายนักขุด ผู้ค้าของผิดกฎหมาย และกลุ่มติดอาวุธ ตลอดจนการสมรู้ร่วมคิดของเจ้าหน้าที่พลเรือนและทหาร ไม่น่าแปลกใจเลยที่สถานการณ์ดังกล่าวกัดเซาะอำนาจอธิปไตยและประสิทธิภาพการปกครองของรัฐ เพื่อเป็นการตอบโต้ ชนชั้นนำที่ปกครองรัฐได้พัฒนารูปแบบการจัดสรรที่แยกออกจากเครื่องมือทางกฎหมายและสถาบันของรัฐ บ่อยครั้งโดยการสร้างกลไกคู่ขนานของการมีส่วนร่วมและการควบคุมในภาคส่วนเพชรของเอกชนหรือนอกระบบ ซึ่งขบวนการแนวร่วมรักชาติไลบีเลีย ได้ตอบโต้การโฆษณาชวนเชื่อว่า "เมื่อพบอัญมณีล้ำค่า ประธานาธิบดีจะกระโดดขึ้นเครื่องบิน และมุ่งหน้าออกไปยังยุโรป เพื่อขายเพชรที่ดูแล้วเขาไม่ไว้วางใจใครเลย นอกจากตัวเอง"

ภูมิศาสตร์ทรัพยากรมีอิทธิพลต่อประเภทของความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธ และความมีอยู่จริงในระดับหนึ่ง คำยืนยันนี้ไม่ใช่ว่าเป็นแค่เพียงความขัดแย้งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่ต้องการแยกตัวหรือการทำรัฐประหาร เพราะน้ำมันเป็นแหล่งทรัพยากร แต่ทรัพยากรนั้นยังให้บริบทของการระดมสรรพกำลังทางการเมือง ตลอดจนกลยุทธ์ ยุทธวิธี และความสามารถของคู่แข่ง กล่าวอีกนัยหนึ่ง เนื่องจากความขัดแย้งอาจจำเป็นต้องตอบสนองและปรับให้เข้ากับลักษณะของทรัพยากรที่มีอยู่ที่นำเสนอก่อนหน้านี้ ทรัพยากรแบบกระจายและทรัพยากรที่อยู่ใกล้เคียงเมื่อเทียบกับทรัพยากรที่อยู่ห่างไกล ความขัดแย้งบางประเภทจึงมีแนวโน้มเกิดขึ้นกับทรัพยากร 2 ประเภทแรกมากกว่าประเภทอื่น

ทรัพยากรกับการทำรัฐประหาร

เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วทรัพยากรที่มีอยู่รวมเป็นจุดๆ มีโอกาสที่จะถูกขโมยและแสวงประโยชน์ ได้น้อยกว่าทรัพยากรที่มีอยู่อย่างกระจัดกระจาย และการค้ามักขึ้นอยู่กับการยอมรับทางการเมืองระหว่างประเทศเพื่อที่จะทำการระดมนักลงทุนและการเข้าถึงตลาด รัฐบาลจึงสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่ากลุ่มกบฏ ในกรณีของภาคพลังงานและแร่ธาตุที่มีการลงทุนสูง เฉพาะเมื่อเจ้าหน้าที่หรือโครงสร้างพื้นฐานมีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตี เช่นเดียวกับท่อหรือทางรถไฟ กบฏสามารถใช้เป็นที่มาของการรีดไถพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในกรณีที่ไม่มีแหล่งเงินทุนสำรองและพื้นฐานทางการเมืองสำหรับการแยกตัวออกจากกัน ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามรัฐที่ติดอาวุธ คือ การยึดอำนาจรัฐผ่านการรัฐประหารในเมืองหลวง

ความขัดแย้งระหว่างนักการเมืองที่เป็นคู่แข่งกันในสาธารณรัฐคองโกในปี 1993-1994 และ 1997 เกิดขึ้นในบริบทของการสร้างประชาธิปไตยที่ดูไม่ค่อยเรียบร้อยนักนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการแย่งชิงอำนาจรัฐที่รุนแรงขึ้นจากการควบคุมภาคน้ำมันนอกชายฝั่งที่เป็นแหล่งรายได้จากการส่งออกมากถึงร้อยละ 85 ข้อเท็จจริงที่ว่าความขัดแย้งเหล่านี้ก่อตัวขึ้นจากความพยายามรัฐประหารในเมืองหลวงก็เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ และรัฐบาลของประธานาธิบดีปาสคาล ลิซซูบา ควรชนะสงครามอย่างรวดเร็ว ด้วยการควบคุมค่าสัมปทานน้ำมันและอำนาจทางทหารที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม สงครามในปี 1997 ดำเนินไปเป็นเวลา 5 เดือน ก่อนที่จะมีการสรุปผลเพื่อสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีเดนิส เอ็นกูเอสโซ โดยทำให้ความขัดแย้งในระดับภูมิภาคผ่านการแทรกแซงทางทหารของรัฐบาลแองโกลา ที่เป็นพันธมิตรของอดีตประธานาธิบดีเอ็นกูเอสโซ รัฐบาลแองโกลากระตือรือร้นที่จะปกป้องวงล้อมที่อุดมด้วยน้ำมันของคาบินดาที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งกลุ่มแบ่งแยกดินแดนได้คัดค้านการปกครองของตนตั้งแต่ได้รับเอกราช และเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้คองโกเป็นเวทีซื้อขายเพชรสำหรับกบฏยูนิตา ข้อตกลงด้านอาวุธดูเหมือนเป็น หนทางที่ตีบตันในบราซซาวิลซึ่งทำลายพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองหลวง และทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันราย เป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ ประการแรก กองทัพส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนร่วมในความขัดแย้ง ขณะที่คนอื่นยังคงให้การสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีเอ็นกูเอสโซ ที่เป็นอดีตผู้อุปถัมภ์และเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ประการที่สอง คู่แข่งทั้งสองได้ประโยชน์จากการเข้าถึงสัมปทานน้ำมัน เนื่องจากอดีตประธานาธิบดีเอ็นกูเอสโซถูกกล่าวหาว่าได้รับการสนับสนุนเหนือประธานาธิบดีลิซซูบาโดยบริษัทน้ำมันของฝรั่งเศสที่ครอบครองภาคส่วนนี้ และสนับสนุนการซื้ออาวุธของเอ็นกูเอสโซเป็นไปในแบบคู่ขนานไปกับอดีตประธานาธิบดีเอ็นกูสโซ ในที่สุด และประการสุดท้าย ในระดับท้องถิ่นความขัดแย้งก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกองกำลังติดอาวุธต่างๆ ที่สนับสนุนนักการเมืองได้รับประโยชน์จากการปล้นเมืองหลวง เยาวชนในเมืองพากันใช้ความขัดแย้งทางการเมืองเพื่อท้าทายความชอบธรรมของผู้นำทางการเมืองที่ทุจริต ซึ่งครอบครองและปล้นสะดมประเทศมาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี การปล้นสะดมกลายเป็นที่รู้จักในนามการฆ่าหมู่หรือการมีส่วนร่วมในนโกสซา"

 ความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะของทรัพยากรกับความขัดแย้งแต่ละประเภท

คุณลักษณะของทรัพยากร

มีเป็นจุดๆ

มีอยู่อย่างกระจัดกระจาย

ทรัพยากรมีอยู่ไม่ไกล

รัฐบาลเป็นผู้ครอบครองและควบคุม

ก๊าซธรรมชาติ – อัลจีเรีย

น้ำมัน – คองโก-บราซซาวิล, โคลัมเบีย, อิรัก, เยเมน

มีกลุ่มกบฏ

กาแฟ – เอล ซาลวาดอร์

พืชผลเกษตร – กัวเตมาลา, เม็กซิโก/ชิอาปาส, เซเนกัล/มูริทาเนีย

ทรัพยากรมีอยู่ห่างไกล

มีการแบ่งแยกดินแดน

น้ำมัน – แองโกลา, เชชเนีย

น้ำมัน ทองแดง ทองคำ – อินโดนีเซีย ตีมอร์ตะวันออก และปาปัวร์ตะวันออก

ฟอสเฟต – โมรอคโค/ซาฮาราตะวันตก

น้ำมัน – ไนจีเรีย/ไปอะฟรา, ซูดาน

ทองแดง – ปาปัว นิวกินี/บูเกนวิล

มีการค้าสงคราม

อัญมณี ไม้ซุง – อัฟกานิสถาน

เพชร – แองโกลา, เซียรา เลโอล

ไม้ซุง – เมียนมาร์, กัมพูชา, ฟิลิปปินส์

เพชร ทองคำ – สาธารณรัฐคองโก

ไม้ซุง เพชร – ไลบีเรีย

 

ทรัพยากรกับลัทธิเจ้าสงคราม

ทรัพยากรที่มีอยู่แบบกระจายถูกกลุ่มผิดกฎหมายทั้งหลายนำไปใช้ประโยชน์และทำการตลาดได้ง่ายกว่าทรัพยากรแบบที่มีอยู่เป็นจุดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอยู่ห่างจากศูนย์กลางอำนาจ โดยทั่วไปแล้วจะเป็นกรณีที่มีเพชรที่สะสมอยู่ในลุ่มน้ำหรือป่าไม้ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดน ที่เรียกว่ามีรูพรุน จึงมีความเกี่ยวข้องกับรูปแบบเจ้าสงครามเชิงเศรษฐกิจ ขณะที่ขบวนการกบฏมักจะพยายามล้มล้างระบอบการปกครองที่มีอยู่ การปรากฎอยู่ของทรัพยากรที่เข้าถึงได้หรืออาจเรียกว่าปล้นได้ ช่วยกระจายทรัพยากรที่อยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางอำนาจจะให้ทางเลือกที่คุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจในกรณีที่เกิดความล้มเหลว กลุ่มกบฏจึงสร้างพื้นที่อธิปไตยโดยพฤตินัยที่กำหนดโดยความรุนแรง และกำหนดโดยโอกาสเกิดอาชญากรรมและพาณิชยกรรม เช่น พื้นที่ทำเหมือง ป่าไม้ หรือเครือข่ายการลักลอบนำเข้า

ในประเทศไลบีเรีย การก้าวขึ้นสู่อำนาจของชาร์ลส์ เทย์เลอร์ เมื่อปี 1989 ก่อนอื่นใดเขามุ่งเป้าไปที่เมืองหลวงมอนโรเวีย แม้ว่าจะล้มเหลวในการยึดทำเนียบประธานาธิบดี เนื่องจากมีการแทรกแซงของกองกำลังระหว่างประเทศ แต่เขาก็ประสบความสำเร็จในการจัดตั้งการปกครองของเขาเหนือมหานครไลบีเรียและเข้าควบคุมภาคส่วนทางเศรษฐกิจที่ร่ำรวย เช่น ไม้และยาง ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น ท่าเรือของบูคานัน ซึ่งมีความสำคัญต่อการส่งออกแร่เหล็ก เทย์เลอร์ไม่ได้จำกัดการยึดครองทรัพยากรของเขาในประเทศไลบีเรียเท่านั้น แต่ยังได้ขยายไปยังไปยังประเทศเซียร์รา เลโอน ที่อยู่ใกล้เคียงด้วย โดยให้การสนับสนุนแนวร่วมรักชาติไลบีเรียทำให้เขาสามารถเข้าถึงแหล่งเพชรได้โดยไม่ยาก ในทำนองเดียวกัน แนวร่วมรักชาติแห่งชาตินี้ก็สามารถรักษาสภาพสงครามกองโจรที่มุ่งเป้าไปที่ประชากรพลเรือนในช่วงทศวรรษ 1990 ต่อไปได้ โดยต้องขอบคุณการควบคุมพื้นที่เหมืองเพชร ตลอดจนพืชผล ทองคำ และเงินสด ส่วนในประเทศฟิลิปปินส์นั้น มีการเก็บภาษีจากการตัดไม้ที่ทำกำไรได้มาก ช่วยค้ำจุนกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจำนวนมาก และเปลี่ยนบางคนจากการต่อต้านทางการเมืองให้กลายเป็นกลุ่มสนับสนุนตนเองได้

ทรัพยากรกับการแบ่งแยกดินแดน

ความพยายามแบ่งแยกดินแดนส่วนใหญ่แอบอิงอยู่กับพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ แต่ความมั่งคั่งของทรัพยากรกลับสร้างแรงจูงใจที่แข็งแกร่งสำหรับการแบ่งแยกตัวเองออกจากการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านในท้องถิ่น แหล่งน้ำมันที่สำคัญๆ ตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่ประชากรที่ถูกฝ่ายรัฐบาลกลางยึดครองทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ เช่น กรณีของกลุ่มชนชาวชีอะห์และชาวเคิร์ด ที่อยู่ทางตอนใต้และตอนเหนือของประเทศอิรัค ตามลำดับ ซึ่งนี่อาจเป็นปัจจัยที่ทรงพลังในทางการเมืองภายในประเทศและระดับภูมิภาค การเข้าถึงทรัพยากรของจุดเชื่อมต่อที่ต้องใช้การลงทุนขนาดใหญ่ หากไม่มีการสนับสนุนจากรัฐส่วนกลาง กลุ่มประชากรบที่ถูกด้อยค่าลงจนกลายเป็นคนชายขอบจำเป็นต้องได้รับสิทธิ์อธิปไตยเหนือทรัพยากรสำหรับตนเอง จึงมีแนวโน้มที่พวกเขาจะมีส่วนร่วมในการแบ่งแยกตัวและดินแดนออก มากกว่าที่จะทนอยู่ร่วมในระบอบเจ้าสงครามแบบนั้น หากพวกเขาไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะเข้าควบคุมศูนย์กลางอำนาจที่มีอยู่ แม้ว่าทรัพยากรอันมีค่าเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้ว่ายาก แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้ ในการเข้าถึงผ่านการแสวงประโยชน์โดยตรง การโจรกรรม หรือการกรรโชก การดำรงอยู่ของทรัพยากรเหล่านี้ ก็จะยังคงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการให้เหตุผลและการเคลื่อนไหวทางการเมือง และโอกาสของรายได้ในอนาคต เหล่านี้เป็นแหล่งแรงจูงใจเพิ่มเติม

การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมฟอสเฟตในเขตทะเลทรายซาฮาราตะวันตก เป็นตัวอย่างของการวางหลักการพื้นฐานสำหรับการยกระดับขบวนการชาตินิยมสมัยใหม่ มุ่งสร้างรัฐชาติที่เป็นอิสระในมุมของชนกลุ่มน้อยซาฮาราวิส อนาคตของประเทศที่มีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจและความเจริญรุ่งเรือง สมมติฐานง่ายๆ ที่ว่าประเทศโมร็อกโกมีเป้าหมายที่จะยึดครองความมั่งคั่งในสินแร่ที่เพิ่งค้นพบ เพื่อระดมกำลังการต่อต้านด้วยอาวุธ ขบวนการติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนยังสามารถเกิดขึ้นได้จากผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมหรือการกระจายความมั่งคั่งที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทรัพยากรในเชิงพาณิชย์ ขณะที่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนในอาเจะห์มีรากฐานมาจากรัฐสุลต่านอิสระในอดีต กระทั่งชาวดัตช์เอาชนะสุลต่านได้ในอาเจะห์เมื่อปลายศตวรรษที่ 19 จึงได้มีการก่อตัวของขบวนการอาเจะห์เสรีภาพขึ้นพร้อมๆ กับการใช้ประโยชน์จากแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำคัญในช่วงต้นทศวรรษ 1970 และการประกาศอิสรภาพของขบวนการอาเจะห์เสรีในปี 1976 ซึ่งอ้างว่ารายได้ 15 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ถูกนำไปใช้เฉพาะเพื่อประโยชน์ของชาวชวาผู้ล่าอาณานิคมยุคใหม่ที่เป็นรัฐสำคัญของประเทศอินโดนีเซียเท่านั้น การเวนคืนที่ดินและการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรอื่นๆ เช่น ไม้ โดยธุรกิจที่ปกครองโดยชาวชวาจึงทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น

ในทำนองเดียวกัน เกาะบูเกนวิลล์ ก็เคยมีประวัติการแบ่งแยกดินแดนตามความโดดเด่นและเอกลักษณ์ทางภูมิศาสตร์ ทว่าความต้องการของนักการเมืองท้องถิ่นในเรื่องสถานะพิเศษ รวมถึงการจัดสรรเงินทุนในช่วงที่เปลี่ยนไปเป็นเอกราช เห็นได้ชัดว่ามีศูนย์กลางอยู่ที่ความสำคัญทางเศรษฐกิจของเหมืองทองคำและทองแดงของเกาะในปังกูนา วาระการแบ่งแยกดินแดนที่เกิดขึ้นในปี 1989 โดยฟรานซิส โอนา ที่มีความเกี่ยวข้องกับผลกระทบของการขุดทองแดง การชดเชย และการปิดเหมือง เช่นเดียวกับรัฐบาลปาปัว นิวกินี ที่ไม่ได้ดำเนินการใดๆ เพื่อปกป้องชีวิตของพวกเขา แต่เพื่อปกป้องชีวิตของประชาชน ผู้นำที่ร่ำรวย และคนผิวขาวเพียงไม่กี่คน โอนาอดีตนักสำรวจทุ่นระเบิด เป็นคนในท้องถิ่น แต่ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในพื้นที่เช่าเหมือง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงแทบไม่มีความเห็นในการจัดสรรกองทุนทรัสต์ใหม่ที่จัดตั้งขึ้นในปี 1980 โดยเหมืองเพื่อชดเชยชุมชนในท้องถิ่น แม้ว่าระเบียบวาระการประชุมของโอนาเป็นที่เข้าใจอย่างสมเหตุสมผลที่สุดว่า เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งกับญาติของเขาในเรื่องข้อพิพาทเรื่องที่ดิน ... ลักษณะเฉพาะของวัฒนธรรมท้องถิ่นนาซิโออิ การวิเคราะห์ของเขายังคงดังก้องไปทั่วทั้งชุมชนท้องถิ่นนาซิโออิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการปราบปรามโดยรัฐบาล กองกำลังเริ่มปฏิบัติการ

ทรัพยากรกับการก่อกบฎ

การกระจายทรัพยากรที่ผู้ผลิตจำนวนมากมักมีความเกี่ยวข้องกับการจลาจลในศูนย์กลางอำนาจที่อยู่ใกล้เคียง เช่น เมืองหลวงของจังหวัดหรือระดับชาติ และด้วยการสนับสนุนการก่อกบฏของชาวนาหรือมวลชนที่เป็นประเด็นด้านชนชั้นหรือชาติพันธุ์ การพลัดถิ่นหรือการกีดกันชาวนาโดยธุรกิจการเกษตร และสภาพแรงงานที่ย่ำแย่ในพื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ ได้กระตุ้นให้เกิดการระดมพลทางการเมือง และการขยายตัวของการต่อสู้เพื่อการปฏิวัติในละตินอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ในประเทศนิการากัว การไร้ที่ดินทำกินและการละเลยโดยรัฐ และการกีดกันให้ต้องออกไปหรือการด้อยค่าจากแผนการอุปถัมภ์-ลูกค้าในท้องถิ่น ทำให้เกิดพื้นที่ทางอุดมการชาวนาที่พร้อมก่อการปฏิวัติซานดินิสตา โดยการสร้างฟาร์มของรัฐโดยระบอบซานดินิสตา แทนที่จะเป็นการจัดเตรียมอย่างรวดเร็วของที่ดินแต่ละแปลง ได้ตอกย้ำความผูกพันระหว่างผู้อุปถัมภ์บนที่ดินและชาวนาที่เป็นลูกค้าของพวกเขา และเพิ่มการสนับสนุนและการมีส่วนร่วมในขบวนการคอนตร้าที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ อย่างรวดเร็ว ในบริบทของการสร้างประชาธิปไตยและการตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งเกิดจากการตกต่ำของราคาโกโก้ และการชำระบัญชีของกองทุนรักษาเสถียรภาพสินค้าโภคภัณฑ์ที่กำหนดโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลก ปัญหาแรงงานข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรถูกนำมาใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองในประเทศโคต ดิวัวร์ ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 แม้ว่าสื่อจะเน้นไปที่ความพยายามก่อรัฐประหารในเมืองหลวง แต่แรงงานข้ามชาติยังเป็นเป้าหมายของความรุนแรง รวมถึงการบังคับให้ต้องอพยพออกไปเป็นผู้พลัดถิ่น

รูปแบบการปกครองแบบเจ้าสงครามที่มีการบีบบังคับสูง มีโอกาสน้อยที่จะเป็นไปได้ในเชิงเศรษฐกิจมากกว่ารูปแบบการก่อกบฏแบบมีส่วนร่วม เนื่องจากความจำเป็นในการรักษาปริมาณแรงงานป้อนเข้าจำนวนมาก และความยากลำบากในการควบคุมคนงานในพื้นที่ขนาดใหญ่ เงื่อนไขของการเป็นทาสและการควบคุมแรงงานสามารถกำหนดได้โดยการจับเป็นตัวประกันในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เช่นเดียวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กินสัตว์อื่นๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว เมื่อเวลาผ่านไป เพื่อลดความท้าทายระดับรากหญ้า ฝ่ายติดอาวุธมักจะทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ต่อประชากรในท้องถิ่น แม้ว่าจะทำในแง่ของกลุ่มมาเฟียมากกว่ารัฐสวัสดิการก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น กองกำลังปฏิวัติโคลอมเบีย ให้การคุ้มครองชาวนาในการถือครองที่ดินและรับประกันราคาขั้นต่ำสำหรับทั้งผลผลิตโคคาและผลผลิตทางการเกษตร ในขณะที่เมื่อเร็วๆ นี้มีการดำเนินกิจกรรมที่เป็นอาชญากรรมมากขึ้น กองกำลังปฏิวัติโคลอมเบียยังคงรักษาสมดุลของภัยคุกคามและแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ เพื่อรักษาผลผลิตของชาวนาที่เป็นกุญแจสำคัญต่อความอยู่รอดของขบวนการปฏิวัติตั้งแต่เริ่มก่อตั้งช่วงทศวรรษ 1950 ในทำนองเดียวกัน การขยายตัวของกองทัพประชาชนใหม่ ในประเทศฟิลิปปินส์ในทศวรรษ 1970 และ 1980 ส่วนใหญ่มาจากความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันกับชาวนาซึ่งทำการเกษตรเพื่อยังชีพที่ถูกธุรกิจการเกษตร บริษัทตัดไม้ และโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคุกคาม กองทัพประชาชนใหม่ให้ทางเลือกอื่นแก่ระบอบการปกครองของเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส ที่สูญเสียความชอบธรรมทั้งหมด แม้แต่การมีอยู่ในหมู่ชุมชนในชนบท ทว่าทั้งกองกำลังปฏิวัติโคลอมเบียและกองทัพประชาชนใหม่ ล้วนได้รับการสนับสนุนและเงินทุนส่วนใหญ่จากแผนการเก็บภาษีและการกรรโชกที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและฟาร์มปศุสัตว์ และพื้นที่เพาะปลูก การทำไม้ และการขุดและสกัดทรัพยากรตามลำดับ

ทรัพยากรกับการแทรกแซงจากต่างชาติ

ทรัพยากรและการแทรกแซงจากต่างประเทศเกิดขึ้นในความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธทุกประเภทที่มีรายละเอียดก่อนหน้านี้ และมักเกี่ยวข้องกับการควบคุมทางอ้อมเหนือทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ เช่น น้ำมันหรือแหล่งแร่ที่สำคัญ และการคุ้มครองผลประโยชน์เชิงพาณิชย์และเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ การผลิตน้ำมันของประเทศต่างๆ ในอ่าวเปอร์เซียมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และการเมืองระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคล้วนได้รับอิทธิพลอย่างมากจากคำถามเกี่ยวกับการเข้าถึงและการควบคุมทองคำสีดำนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอิทธิพลของสหรัฐฯ และอังกฤษในภูมิภาคนี้ และถึงแม้ว่าการบุกรุกหรือการปลดปล่อย ของอิรักโดย 2 ประเทศนี้ ในปี 2003 ไม่ควรถูกอ่านผ่านมุมมองที่เรียบง่ายของสงครามเพื่อกิจการน้ำมัน แต่ทรัพยากรปิโตรเลียมในภูมิภาคก็เป็นตัวแทน เป็นปัจจัยจูงใจที่สำคัญในแง่ของเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ อิรักเป็นแหล่งสำรองน้ำมันที่พิสูจน์แล้วว่ามีขนาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากซาอุดิอาระเบีย และในหมู่ประเทศที่สามารถใช้ประโยชน์จากน้ำมันที่มีราคาถูกที่สุด ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจอาจทำให้อิรักเป็นศัตรูที่ทรงพลังซึ่งได้รับการปกป้องจากอิทธิพลปกติของสหรัฐฯ ผ่านการยกระดับทางการเงินที่ให้ความช่วยเหลือหรือการเข้าถึงตลาด หรือผ่านสถาบันระหว่างประเทศ ในทำนองเดียวกัน การสนับสนุนของสหรัฐฯ ให้มีการทำรัฐประหารในระยะสั้นโดยผู้นำธุรกิจและนายทหารเพื่อต่อต้านประธานาธิบดีฮูโก้ ชาเบซ แห่งเวเนซุเอลา ที่ได้รับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2002 แสดงให้เห็นถึงความไม่ไว้วางใจในระบอบการปกครองของรัฐบาลผู้ผลิตน้ำมันรายสำคัญของโลกของมหาอำนาจเจ้าสงคราม

การแทรกแซงจากต่างประเทศยังสามารถสะท้อนถึงผลประโยชน์ทางการค้าที่ได้รับในบริบทของภูมิภาค เช่น การรุกรานคูเวตโดยอิรัก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากข้อพิพาทเรื่องการเป็นเจ้าของแหล่งน้ำมันที่คร่อมทั้งสองประเทศ หรือการมีอยู่และการเงินของกองทัพซิมบับเว รวันดา และอูกันดา ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ผู้ดำเนินการภายนอกอาจเข้าไปแทรกแซงในความพยายามแบ่งแยกดินแดนด้วยการจัดการอัตลักษณ์ทางการเมืองในท้องถิ่นเพื่อให้สามารถเข้าถึงทรัพยากรได้ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 การค้นพบทองคำและเพชรในสาธารณรัฐโบเออร์ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในแอฟริกาใต้ ทำให้เกิดการต่อต้านอย่างเข้มแข็งขึ้นต่อการผนวกโดยสหราชอาณาจักร และการหลั่งไหลเข้ามาของนักสำรวจชาวอังกฤษจำนวนมาก การปฏิเสธที่จะให้สิทธิทางการเมืองแก่ชาวคนต่างชาติชาวอังกฤษเหล่านี้ทำให้ผู้ประกอบการชาวอังกฤษ เช่น เซซิล โรดส์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มธุรกิจเดอเบียร์ส ต้องติดตั้งอาวุธให้กับผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอังกฤษและก้าวเข้าไปมีส่วนร่วมกับสงครามบูร์ในอัฟริกาใต้ แม้จะมีลักษณะทางการเมือง การแยกตัวออกไปของสาธารณรัฐบิอาฟราจากประเทศไนจีเรีย และการปราบปรามโดยรัฐบาลส่วนใหญ่ได้รับแรงจูงใจจากปริมาณสำรองน้ำมันในท้องถิ่น ผลประโยชน์ด้านน้ำมันของฝรั่งเศสสนับสนุนความพยายามแยกตัวออกจากบีอาฟรา และกองทัพไนจีเรียเริ่มต่อสู้ในเดือนกรกฎาคม 1967 มากกว่าหนึ่งเดือนหลังจากการประกาศอิสรภาพแต่เพียงไม่กี่วันหลังจากที่เชลล์...ตกลงที่จะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้บีอาฟรามากกว่าไนจีเรีย ภายในความวุ่นวายของเอกราชของเบลเยียมคองโก แองโกลแซกซอน และผลประโยชน์ทางการค้าของเบลเยียมที่กระตือรือร้นที่จะยึดเหมืองทองแดงในจังหวัดคาทังกา สนับสนุนการแยกตัวที่นำโดยมอยส์ ทชอมเบ ซึ่งก่อให้เกิดการปะทะกันทางทหารระหว่างทหารรับจ้างต่างชาติที่ได้รับทุนจากองค์กรกับกองกำลังสหประชาชาติ เอกภาพของประเทศ อีกไม่นาน การแยกตัวโดยพฤตินัยของจังหวัดทางตะวันออกในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกตั้งแต่ปี 1998 มาพร้อมกับการถกเถียงที่รุนแรงเกี่ยวกับการรวมสัญชาติคองโกและสิทธิของประชากรจากสิ่งที่เรียกว่าต้นกำเนิดรวันดา เพื่อเข้าถึงทรัพยากรที่ดินและสินแร่

วิถีและความยาวนานของความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธ

ความพร้อมของทรัพยากรและการแข่งขันเหนือการควบคุมทรัยากรมีอิทธิพลต่อความขัดแย้งในหลายๆ ด้านความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติช่วยสนับสนุนพรรคที่อ่อนแอและยอมให้พรรคนั้นต่อสู้และรักษาการเข้าถึงแหล่งความมั่งคั่งต่อไป ซึ่งจะเป็นการยืดอายุความขัดแย้งให้ยาวนานออกไป นอกจากนี้ เนื่องจากผลกำไรมีความสำคัญเหนือการเมือง ความเสี่ยงจากความขัดแย้งจึงได้รับแรงผลักดันในเชิงพาณิชย์มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากคู่พิพาทได้รับแรงจูงใจจากผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ อีกทั้งการพัฒนาเหล่านี้ยังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อองค์กรและการทำงานร่วมกันของขบวนการติดอาวุธ รวมถึงต่อวิถีและระยะเวลาของความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม ไม่ได้เป็นไปตามนี้ทั้งหมด สงครามจะสั้นลงหรือส่งผลกระทบอย่างเป็นภัยต่อประชากรมากกว่าในกรณีที่ไม่มีทรัพยากร อันที่จริง คู่แข่งที่ขาดการเข้าถึงทรัพยากรอาจทำให้การปล้นสะดมและการโจมตีประชากรพลเรือนรุนแรงขึ้นก็ได้

เมื่อทรัพยากรธรรมชาติมีความสำคัญทางการเงินสำหรับคู่ต่อสู้ จุดเน้นของกิจกรรมทางทหารจึงกลายเป็นศูนย์กลางของพื้นที่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ สิ่งนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อตำแหน่งของการวางกำลังทหารและความรุนแรงของการเผชิญหน้า เพื่อเสริมกลยุทธ์กองโจรในการเคลื่อนย้าย ความเข้มข้นของกองกำลัง และที่ตั้งตามแนวพรมแดนระหว่างประเทศ กลุ่มกบฏพยายามสร้างที่มั่นถาวรหรือพื้นที่ของความไม่มั่นคงในทุกที่ที่มีทรัพยากรและเส้นทางคมนาคมขนส่ง โดยทั่วไป กองทหารของรัฐบาลพยายามที่จะป้องกันสิ่งนี้โดยขยายการต่อต้านการก่อความไม่สงบไปยังพื้นที่เหล่านี้ และความพยายามของพวกเขาในบางครั้งย้ายออกและการสร้างความเป็นหมู่บ้านเดียวกันของประชากร ในหลายกรณี กองทหารของรัฐบาลเข้าร่วมในการปล้นสะดม อย่างไรก็ตาม ผลกระทบโดยรวมของทรัพยากรธรรมชาติในบริบทดังกล่าวมีความคลุมเครือ ด้านหนึ่ง ทรัพยากรสามารถกระชับการเผชิญหน้าในพื้นที่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ สิ่งนี้เกิดขึ้นในเซียร์ราลีโอน ในพื้นที่ที่เป็นแหล่งเพชรที่ดีที่สุด และในกัมพูชาที่มีป่าไม้ผืนใหญ่ ในทางกลับกัน กลุ่มติดอาวุธสามารถจัดการกับจุดบอดที่สะดวกสบาย ซึ่งฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์สามารถบรรลุข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในการผลิตและการตลาดทรัพยากร การควบคุมอาณาเขตโดยกลุ่มต่างๆ หรือการข้ามพรมแดนระหว่างประเทศมักก่อให้เกิดการสมรู้ร่วมคิดที่ไม่คาดหวังจากศัตรูหรือสมาชิกของประชาคมระหว่างประเทศที่กำลังดำเนินการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ในประเทศกัมพูชา กลุ่มกบฏเขมรแดงได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากการอนุมัติการส่งออกที่รัฐบาลมอบให้บริษัทไทยที่ดำเนินงานในดินแดนที่เขมรแดงยึดครอง กลุ่มกบฏยังเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทตัดไม้ที่ได้รับอนุญาตและเก็บภาษีจากรัฐบาลด้วย ค่าธรรมเนียมเหล่านี้มีความสำคัญต่อความอยู่รอดของกลุ่มเขมรแดงกลุ่มเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลจากฐานของพวกเขา เนื่องจากทั้งรัฐบาลและฝ่ายกบฏได้รับประโยชน์จากการตัดไม้ ทั้งสองฝ่ายจึงมีแรงจูงใจที่จะเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่

นอกเหนือจากผลกระทบทางการเงินและการทหารเหล่านี้ ทรัพยากรยังทำหน้าที่ยืดอายุความขัดแย้งด้วยการจัดหาเครือข่ายการสนับสนุนทางการเมือง ซึ่งรวมถึงการมีทูตทรัพยากรเฉพาะตัวในประเทศอังโกลา เพชรของขบวนการติดอาวุธอูนิตา  ไม่เพียงแต่ทำให้กลุ่มกบฏมีกำลังสามารถซื้ออาวุธได้เท่านั้น แต่ยังได้รับการสนับสนุนทางการฑูตและลอจิสติกส์จากผู้นำทางการเมืองระดับภูมิภาคด้วย ในอีกด้านหนึ่งของความขัดแย้งนั้น ขบวนการเสรีภาพแองโกลได้รับความโปรดปรานจากมหาอำนาจตะวันตกและบริษัทน้ำมันรายใหญ่อย่างรวดเร็ว นั่นทำให้ขบวนการติดอาวุธอูนิตา แพ้การเลือกตั้งและไม่สามารถได้รับอำนาจด้วยวิธีการทางทหาร ในประเทศกัมพูชา กลุ่มเขมรแดงได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนของทหารจากประเทศเพื่อนบ้านที่ทุจริตหรือนักการเมืองที่ใช้รายได้จากการตัดไม้เพื่อเป็นเงินทุนในการหาเสียงเลือกตั้ง

สุดท้าย ความมั่งคั่งของทรัพยากรจะช่วยยืดอายุความขัดแย้งด้วยการลดโอกาสการเป็นนายหน้าซื้อขายสันติภาพของบุคคลที่สาม การเข้าถึงทรัพยากรจะทำหน้าที่เป็นปัจจัยแบ่งแยกระหว่างผู้มีบทบาทสำคัญจากต่างประเทศ ผู้ดำเนินการทวิภาคีมีแนวโน้มที่จะรองรับผลประโยชน์ภายในประเทศเพื่อรักษาผลประโยชน์ทางการค้าสำหรับองค์กรของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเศรษฐกิจเชิงกลยุทธ์ เช่น น้ำมัน นอกจากนี้ ความสามารถของคู่แข่งในการดึงกระแสการเงินของเอกชนลดศักยภาพการใช้ประโยชน์จากหน่วยงานพหุภาคี เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ธนาคารโลก และสหประชาชาติ ที่ใช้เงินช่วยเหลือและเงินกู้ ในความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธร่วมสมัยหลายครั้ง เงินทุนไหลเข้าของเอกชนมีความสำคัญมากกว่าความช่วยเหลือจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับความขัดแย้งในยุคสงครามเย็น

แม้ว่าความมั่งคั่งของทรัพยากรมีแนวโน้มทำให้สงครามยืดเยื้อ แต่ก็สามารถย่นระยะเวลาเหล่านี้ได้หลายวิธี ความมั่งคั่งของทรัพยากรก่อให้เกิดการกระจุกตัวของรายได้ในฝ่ายเดียว เช่นเดียวกับน้ำมันในรัฐบาลแองโกลา การเข้าถึงทรัพยากรของรัฐบาลที่มากขึ้นยังกระตุ้นให้กลุ่มกบฏเปลี่ยนใจไปเป็นรัฐบาล สร้างแรงจูงใจในการเจรจาสันติภาพ หรือล่อผู้นำกบฏให้เข้ามาที่เมืองหลวง ปัญหาหน่วยงานและการแยกตัวอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของกบฏอันเป็นผลมาจากการเลื่อนไหลของทรัพยากรจากล่างขึ้นบน เว้นแต่จะมีผู้นำที่สามารถผูกขาดวิธีการแลกเปลี่ยน เช่น ยานพาหนะ สนามบิน ถนน บัญชีธนาคาร การอนุมัติการส่งออก คนกลาง ผู้นำเข้า ระหว่างผู้จัดหาทรัพยากรและลูกค้า พื้นที่ทางเศรษฐกิจมีให้สำหรับพันธมิตรและผู้ใต้บังคับบัญชาที่จะเป็นอิสระผ่านกิจกรรมเชิงพาณิชย์หรือทางอาญาตามทรัพยากรในท้องถิ่น ความเสี่ยงโดยธรรมชาติของการจัดสรรส่วนตัวสามารถบ่อนทำลายความไว้วางใจระหว่างสมาชิกของกลุ่มติดอาวุธ โดยทั่วไป รูปแบบการเลื่อนไหลของทรัพยากรนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้ระเบียบวินัยและสายการบังคับบัญชาอ่อนแอลง ในทางตรงกันข้าม เมื่อทรัพยากรถูกป้อนเข้าสู่ความขัดแย้งจากภายนอก ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงสงครามเย็น ผู้นำสามารถรักษาความสอดคล้องของการเคลื่อนไหวด้วยอาวุธของพวกเขา ผ่านการควบคุมอย่างเข้มงวดของการเลื่อนไหลของทรัพยากรต่างประเทศไปยังพันธมิตรและผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขา การสมรู้ร่วมคิดในการค้าทรัพยากรระหว่างศัตรูยังอาจเอื้อประโยชน์ต่อการสร้างข้อตกลงสันติภาพและการละทิ้ง ในประเทศกัมพูชา ผู้บัญชาการเขมรแดงเคยกล่าวว่าปัญหาใหญ่ในการหาทุนจากธุรกิจของเรา คือ การป้องกันการระเบิดของขบวนการ เพราะทุกคนชอบทำธุรกิจและทหารเสี่ยงทำธุรกิจมากกว่าการต่อสู้ เพื่อป้องกันการระเบิดหรือการแตกแยกดังกล่าว กลุ่มเขมรแดงจึงสนับสนุนทหารและครอบครัวอย่างเต็มที่และควบคุมการค้าและการเคลื่อนไหวข้ามพรมแดนอย่างเข้มงวด

ในที่สุด กลุ่มติดอาวุธที่ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติก็ยังคงมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียการสนับสนุนจากประชาชนและความชอบธรรมทางการเมือง ในกรณีที่ปฏิปักษ์แสดงให้เห็นว่ากลุ่มเป็นเพียงโจรหรืออาชญากรที่ขับเคลื่อนโดยผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตนเองมากกว่าอุดมการณ์ทางการเมือง การเพิกเฉยต่อปฏิบัติการของ อาชญากรที่คล้ายคลึงกันของเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือกลุ่มกึ่งทหาร จึงเท่ากับเป็นการอำนวยความสะดวกในการคว่ำบาตรและการแยกทางการเมืองของขบวนการกบฏ เช่น กลุ่มเคลื่อนไหวของกบฏแนวหน้า ขบวนการติดอาวุธอูนิตา  และกองกำลังปฏิวัติโคลอมเบีย แน่นอน นโยบายดังกล่าวอาจเสี่ยงต่อการทำให้การแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองลดน้อยลง เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาทางทหาร

สรุป

ในกรณีที่ไม่มีสถาบันที่เข้มแข็งและไม่มีเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วมาก่อน ทรัพยากรจำนวนมากมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้เกิดการกำกับดูแลที่แย่ วิกฤตเศรษฐกิจ และความคับข้องใจจากประชากรที่เกิดจากความคาดหวังสูงที่เกี่ยวข้องกับขุมทรัพย์แห่งทรัพยากร แม้ว่าคำสาปแช่งที่ทำให้ปราศจากทรัพยากรที่มีค่าจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความพร้อมของค่าเช่าทรัพยากรจำนวนมากก็มีแนวโน้มที่จะจัดโครงสร้างการเลือกผู้ปกครอง และกำหนดรูปแบบการรวมกลุ่มที่มีอำนาจของชนชั้นสูงในประเทศ และผลประโยชน์ทางธุรกิจจากต่างประเทศที่ลดทอนความรับผิดชอบทางการเมือง ในการแสวงหาอำนาจ ผู้ปกครองมักจะครอบครองและแจกจ่ายค่าเช่าทรัพยากร โดยแลกกับค่าใช้จ่ายของรัฐและความเป็นประชาธิปไตย และทำให้อำนาจในการตัดสินใจและค่าเช่าเกิดความผันผวนกลายเป็นแกนหลักของระเบียบทางการเมืองที่เป็นอันตราย แม้ว่าเศรษฐกิจที่อุดมด้วยทรัพยากรจะไม่จำเป็น หรือไม่มีเงื่อนไขเพียงพอสำหรับการปกครองที่ด้อยพัฒนาทางการเมืองและความขัดแย้งที่เกิดขึ้น แต่ก็สามารถอำนวยความสะดวกได้

การแสวงประโยชน์จากทรัพยากรเป็นตัวกำหนดเงื่อนไขและแรงจูงใจ เช่น ความรุนแรงของการแข่งขันทางการเมืองและการคอร์รัปชั่น การล่มสลายของสถาบันของรัฐ การมอบอำนาจให้รัฐผูกขาดการใช้กำลัง และการเติบโตขึ้นของลัทธิแบ่งแยกดินแดน ที่เอื้อต่อการเกิดความรุนแรงถึงขั้นใช้อาวุธในท้องถิ่น ในบริบทเหล่านี้ ความรุนแรงมักกลายเป็นวิธีการหลักในการดำเนินการทางการเมือง การสะสมทางเศรษฐกิจ หรือไม่ก็ใช้เพียงแค่รักษาชีวิตให้สามารถอยู่รอดได้เท่านั้น ด้วยวิธีเหล่านี้ สงครามไม่เพียงแค่เกี่ยวข้องกับความโลภของฝ่ายกบฏที่ต้องการมีโอกาสคว้าทรัพยากรมาเป็นเจ้าของเท่านั้น ทว่าในขณะที่ความไม่มั่นคงทางการเมืองทวีความรุนแรงขึ้น เป็นความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธอย่างเต็มรูปแบบ ทรัพยากรธรรมชาติจึงมักมีบทบาทเชิงกลยุทธ์ในการจูงใจและให้เงินสนับสนุนแก่คู่สงคราม ทั้งก่อนที่ความขัดแย้งจะเริ่มต้นขึ้น และขณะที่สถานการณ์คลี่คลายลง แม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์แบบกำหนดตายตัว แต่ทรัพยากรสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดประเภทของความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธที่เกิดขึ้น อาณาเขตที่เป็นเป้าหมายของคู่ต่อสู้ ความสัมพันธ์กับประชากร ระยะเวลาและความรุนแรงของความขัดแย้ง อีกทั้งทรัพยากรยังสามารถส่งผลกระทบต่อการประสานกันภายในของขบวนการติดอาวุธ และบางครั้งนำไปสู่การแบ่งแยกดิน เช่นเดียวกับกรณีของการสมรู้ร่วมคิดระหว่างคู่ต่อสู้

เนื่องจากบทบาทหลักของพวกเขาในฐานะตัวกลางระหว่างสถานที่ที่มีการขุดและสกัดทรัพยากรกับตลาด ธุรกิจต่างๆ มักเข้ามาเพื่อสนับสนุนระบอบเผด็จการและอาชญากรสงคราม ในกรณีส่วนใหญ่ ธุรกิจพยายามที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยทางการเมืองที่ทำกำไรและมั่นคงมากกว่าที่จะเข้าไปแทรกแซงในกระบวนการประชาธิปไตยที่พวกเขาไม่มีคุณสมบัติโดยชอบด้วยกฎหมายหรือทางการเมืองที่จะเข้าไปมีส่วนร่วม แม้ว่าธุรกิจจำนวนมากจะถูกโฉลกกับระบอบประชาธิปไตยที่มีหลักนิติธรรมที่เข้มงวด แต่ด้วยความระแวดระวังความไม่แน่นอน ธุรกิจต่างๆ จึงมักไม่ไว้วางใจระบอบประชาธิปไตยที่พึ่งเริ่มต้น เพราะพวกเขากลัวความไม่มั่นคงทางการเมืองที่จะมีมากขึ้น การเจรจาสัญญาใหม่และอาจมีการจ่ายสินบน และความรุนแรงที่อาจคุกคามการลงทุนของพวกเขา หากระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็งมีเสถียรภาพมากกว่าระบอบเผด็จการ ความเสี่ยงจากความไม่มั่นคงและความขัดแย้ง ก็จะสูงขึ้นจริงสำหรับระบอบประชาธิปไตยที่เริ่มก่อตัว ซึ่งเป็นเรื่องปกติในกระบวนการเปลี่ยนระบอบการปกครอง ในบริบทของความขัดแย้งของพลเมืองที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ผลิตน้ำมันบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์และในพื้นที่นักเคลื่อนไหวท้องถิ่นอาบาชา ผู้จัดการของเชลล์ในไนจีเรียโต้ยืนยันอย่างตรงไปตรงมาว่า บริษัทการค้าที่พยายามจะเข้ามาลงทุน ต้องแน่ใจว่าเผด็จการสามารถจัดสภาพแวดล้อมที่มั่นคงแก่คุณได้

อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือ แม้แต่ระบอบเผด็จการก็ไม่มีเสถียรภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลมาจากแรงกดดันจากนานาชาติและภายในประเทศต่อการสร้างระบอบประชาธิปไตย การเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจแบบตลาดที่แข่งขันกันในตลาดโลก ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐานที่ลดลง และความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่ลดลง เนื่องจากประเทศที่พึ่งพาทรัพยากรเป็นหลักนั้น ส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการ จึงไม่น่าแปลกใจที่กลุ่มติดอาวุธกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะมีความอ่อนไหวต่อความไม่มั่นคงทางการเมืองมากกว่า ในทางกลับกัน เศรษฐกิจการเมืองและอาณาเขตของการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรและการค้า มีส่วนอย่างมากในการก่อภูมิศาสตร์สงครามแย่งชิงทรัพยากร

บรรณานุกรม

Aron, Raymond. (1966). Peace and War. London: Weidenfeld and Nicolson.

Collier, Hoeffler, and Soderbom, (2005) On the Duration of Civil War; Fearon, “Why Do Some Civil Wars Last So

Much Longer Than Others?”

Gleick, Peter H. (1991) “Environment and Security: The Clear Connections.” Bulletin of the Atomic Scientists

47: 18–22.

Keen, David. (1998). The Economic Functions of Violence in Civil Wars. Adelphi Paper 320. Oxford: Oxford

University Press for the International Institute for Strategic Studies.

Klare, Michael T. (2001). Resource Wars: The Changing Landscape of Global Conflict. New York: Holt.

Mackinder, Halford. (1904). “The Geographical Pivot of History.” Geographical Journal 23: 421–437.

Soysa, Indra de. (2002). “Ecoviolence: Shrinking Pie, or Honey Pot?” Global Environmental Politics 2: 1–34.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น