หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

น้ำท่วม 2

 ระดับความเสียหายโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมในอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก

พัฒนา ราชวงศ์1 อัมพวัลย์ คำเชียงเงิน2 อนุรักษ์ พิมพ์ศรี3 และชยังกูร ปัญญาดิลก3

1นักอาจารย์ประจำสาขาวิชาภูมิศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

2นักภูมิสารสนเทศศาสตร์ สำนักงานสิ่งแวดล้อม ภาค 3 พิษณุโลก

3นิสิตสาขาวิชาภูมิศาสตร์ ภาควิชาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร

 

This particular research aims to study and prioritize the risk of damage & loss to each repeatedly flooded school. We survey the 37 flooded schools in Bang Rakam district, Phitsanulok province, Thailand to assess the damage & loss and coping capacity of schools and communities. The disaster risk equation, that compost to the number of ten-years round flooding experiences, the damage & loss, vulnerability and adaptive capacity, uses to calculate the level of school flooding risk. The most of schools are flooded experienced around one to five times in ten-years round. They are totally damaged and lossed value 20.25 million baht. Wat Wang Rae School, Wat Nong Or School, Ban Nong Namtok School and Wat Pho Thong School are mostly risk of damage and loss.

Keywords: Damage and Loss, Disaster and Exposure, Vulnerability and Capacity, Disaster Risk Reduction

 

ความเป็นมาของปัญหา

น้ำท่วมเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เนื่องจากฝนตกในพื้นที่ลุ่มมีปริมาณมากและตกติดต่อกันเป็นเวลานาน จนเกิดน้ำไหลบ่ามาตามผิวดินลงสู่ร่องน้ำ ลำธารและแม่น้ำนั้น หากลำน้ำตอนใดไม่สามารถรับปริมาณน้ำได้ก็จะบ่าท่วมตลิ่งเข้าไปท่วมพื้นที่ต่างๆ หรือชุมชนที่ไม่มีการระบายน้ำที่สมบูรณ์ และการกระทำของมนุษย์ ดังนั้น เมื่อเกิดฝนตกหนักเป็นเวลานานๆ ในแต่ละครั้ง มักประสบปัญหาทำให้เกิดน้ำท่วมขังบนพื้นที่ หรือ ที่เรียกว่า “อุทกภัย” ซึ่งทำความเสียหายให้แก่พื้นที่เพาะปลูกและทรัพย์สินต่างๆ จากสถานการณ์น้ำท่วมเกิดขึ้นในอำเภอบางระกำจังหวัดพิษณุโลกที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำซาก สร้างผลกระทบในหลายๆ ด้านรวมถึงในด้านการศึกษา ซึ่งสร้างผลกระทบต่อโรงเรียนในหลายๆ แห่งทำให้โรงเรียนสภาพไม่เหมาะสำหรับการเรียนการสอนและขาดเครื่องมือที่ใช้ในการเรียนการสอนอันเนื่องมาจากผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น ปัญหาที่เกิดขึ้น หน่วยงานรัฐและเอกชนที่ต้องการให้ความช่วยเหลือให้กับโรงเรียนแต่ละแห่งที่ประสบภัย ส่วนใหญ่แล้วจะพิจารณาจากมูลค่าความเสียหาย แต่ในความเป็นจริงแล้วโรงเรียนได้รับผลกระทบเมื่อคิดเป็นมูลค่าความเสียหายแล้วโรงเรียนนั้นอาจจะมีมูลค่าความเสียหายจากการประเมินที่มากแต่เมื่อเรามองด้านศักยภาพเข้าด้วยและพบว่าโรงเรียนนั้นมีศักยภาพที่สูงพอจะรับมือได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าโรงเรียนนั้นจะมีค่าความเสียงต่อภัยพิบัติที่สูง แต่ถ้าโรงเรียนใดที่มีมูลค่าความเสียหายจากการประเมินที่น้อยแต่เมื่อเรามองด้านศักยภาพของโรงเรียนนั้นกลับพบว่าไม่สามารถที่จะรับมือต่อภัยพิบัตินั่นแสดงว่าโรงเรียนนั้นมีค่าความเสี่ยงต่อภัยพิบัติที่สูงอย่างแท้จริง หากหน่วยงานรัฐและเอกชนใดที่ต้องการให้ความช่วยเหลือกับโรงเรียนที่ประสบอุทกภัยควรที่จะพิจารณาทั้ง 2 ด้าน เพราะเมื่อเราพิจารณาที่ด้านจะทำให้เราเห็นถึงความเสี่ยงที่แท้จริง และความเสี่ยงที่แท้จริงจะทำให้ได้เห็นถึงความต้องการที่จะได้รับความช่วยเหลือที่แท้จริงไปด้วย

จากเหตุผลข้างต้นผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษาสภาพความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติน้ำท่วมว่าส่งผลกระทบกับโรงเรียนในด้านต่างๆ  และสำรวจค้นหาศักยภาพในการฟื้นฟูโรงเรียนแต่ละโรงเรียน เพื่อที่จะทำให้เห็นถึงระดับความเสี่ยงต่อความเสียหายของแต่ละโรงเรียน และหากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน หรือผู้ต้องการช่วยเหลือโรงเรียนที่มีความต้องการจริงๆ สามารถนำงานวิจัยนี้มาเป็นข้อมูลมาพิจารณาว่าสมควรที่จะช่วยเหลือโรงเรียนใดเป็นอันดับแรก

 

พื้นที่ศึกษา

สำหรับงานวิจัยเรื่องการวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงจากความเสียหาย โรงเรียนที่ถูกน้ำท่วม จะศึกษาพื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ตั้งอยู่ที่พิกัด ละติจูด 16.43’63” ลองติจูด 100.10’76” ครอบคลุมพื้นที่ 9 ตำบลจากทั้งหมด 11 ตำบล โดยมีโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วม 37 โรงเรียน การศึกษาดำเนินการในพื้นที่ 9 ตำบลของอำเภอบางระกำ คือ บางระกำ ท่านางงาม ชุมแสงสงคราม คุยม่วง วังอิทก ปลักแรด พันเสา บึงกอก และบ่อทอง โดยสภาพภูมิประเทศของตำบลบางระกำนั้น มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง ลักษณะพื้นที่ตอนบนมีความลาดเอียงจากทิศเหนือลงมาทางทิศใต้บริเวณตอนกลางตำบลเป็นแอ่ง มีแม่น้ำยมไหลผ่านระหว่างกลางตำบล ราษฎรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม รองลงมาคืออาชีพรับจ้าง และค้าขาย คุณภาพของดินเสื่อมคุณภาพ เมื่อถึงฤดูฝนน้ำจะมีน้ำไหลาบ่าท่วมไร่นาของเกษตรกรและมีแหล่งน้ำตามธรรมชาติขนาดใหญ่จำนวน 4 แห่ง คือ แม่น้ำยม บึงตะเครง บึงขี้แร้งและบึงระมาน

ขณะที่ตำบลท่านางงาม ทีสภาพภูมิประเทศ เป็นพื้นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำยมไหลผ่าน และมีคลองแก้ว ซึ่งเป็นคลองธรรมชาติขนาดใหญ่ ในตำบลรวมทั้งคลองชลประทาน ซึ่งส่งน้ำจากเขื่อนนเรศวรอำเภอพรหมพิรามทำให้ราษฎรสามารถที่จะประกอบการเกษตรได้ตามฤดูกาลเพราะมีแหล่งน้ำเพียงพอ ส่วนตำบลชุมแสงสงคราม เป็นที่ราบลุ่มพื้นที่ลาดเอียงไปทิศตะวันตกเฉียงใต้ โดยมีแม่น้ำยมไหลผ่านด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีลำคลองจำนวนมากไหลผ่านด้านตอนกลางและด้านใต้ของตำบล เช่น คลองใหญ่ คลองแพงพวย คลองหนองพะยอม คลองลึก คลองห้วงกระได คลองหนองจิก คลองไม้เหลือง เป็นต้น โดยทั่วไปเมื่อฤดูฝนจะเกิดปัญหาอุทกภัยเสมอ และในขณะเดียวกันในฤดูแล้งจะขาดน้ำอย่างรุนบแรง

           ตำบลคุยม่วง มีสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มเหมาะสำหรับการเกษตรกรรม เช่น การปลูกข้าว ถั่วเหลือง และอ้อย โดยพื้นที่บางส่วนของหมู่ที่ 6 บ้านหนองขานาง หมู่ที่ 7 บ้านเรียงกระดก และหมู่ที่ 9 บ้านทุ่งพัฒนา จะประสบกับปัญหาอุทกภัยเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำยมและจะท่วมอยู่เป็นระยะเวลาประมาณ 3–4 เดือน สำหรับสภาพภูมิประเทศของตำบลวังอิทก ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มมีแม่น้ำยมไหลผ่านกลางหมู่บ้านระหว่างหมู่ที่ 1, 2, 3, 7, 9 และ10 สามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้ตามฤดูกาล แต่ยังไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร เพราะยังประสบปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม สำหรับตำบลปลักแรดนั้น ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปของตำบลปลักแรด เป็นที่ราบลุ่ม ไม่มีน้ำไหลผ่าน แต่พื้นที่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ เนื่องจากมีคลองหนอง บึง เป็นจำนวนมาก และเป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรที่สำคัญของตำบล ตลอดจนเป็นแหล่งประมงน้ำจืดด้วย

           สภาพภูมิประเทศของตำบลพันเสา พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม ลาดเอียงไปทางทิศใต้ มีที่ราบสูงประมาณ 7 % ของพื้นที่ทั้งหมด พื้นที่ส่วนใหญ่เหมาะแก่การเพาะปลูก และเลี้ยงสัตว์ คุณภาพดินค่อนข้างสมบูรณ์ ฤดูฝนน้ำท่วมไร่นา ฤดูแล้งขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ขณะที่ตำบลบึงกอก         เป็นที่ราบมีความราบเอียงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีคลองกรุงกรัก, คลองเตย และคลองหนองตะกุด เป็นแหล่งน้ำการเกษตรในตำบลที่สำคัญ เส้นทางการคมนาคมสายหลักของตำบล คือ ทางหลวงแผ่นดิน 1065 (พิษณุโลก–กำแพงเพชร) และสภาพภูมิประเทศของตำบลบ่อทองจะที่ราบสูงประมาณ 60% ของพื้นที่ ซึ่งพื้นที่ภายในตำบลจะเป็นพื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้นละลูกคลื่นมีพื้นที่ป่าไม้ ประมาณ 1/4 ของพื้นที่ทั้งตำบล

ระเบียบวิธีการวิจัย


ขั้นตอนการศึกษา

          1. การเตรียมการ ค้นคว้าและสำรวจข้อมูลเบื้องต้นของพื้นที่ศึกษา วางแผนงานก่อนการลงภาคสนาม ประกอบด้วย การรวบรวมข้อมูลจากหน่วยต่างๆ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การศึกษาพื้นที่จาก แผนที่ แล้วออกสำรวจพื้นที่ภาคสมาม

          2. การเก็บข้อมูล หลังจากติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นแล้ว ได้ดำเนินการเก็บข้อมูลเอกสาร และสัมภาษณ์ โรงเรียนที่ได้ประสบปัญหาน้ำท่วม ปี 2554 อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีจำนวนโรงเรียนทั้งหมด 37 แห่ง ใน 9 ตำบลของอำเภอบางระกำ โดยการสัมภาษณ์จากผู้บริหารโรงเรียนและผู้ที่มือส่วนร่วมในการรับมือกับเหตุการณ์โดยตรงกับภัยพิบัติน้ำท่วมในปี 2554

3. วิเคราะห์ข้อมูล นำข้อมูลที่เก็บมารวบรวม วิเคราะห์ทางสถิติ และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่ด้วยระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ เพื่อทำแผนที่

          แหล่งข้อมูล

          การเก็บรวบรวมข้อมูลในการศึกษาครั้งนี่จะแบ่งออกเป็น 2 ระดับดังนี้

          1. ข้อมูลปฐมภูมิ ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลในภาคสมานโดยตรง จากผู้บริหารโรงเรียนและผู้ที่มือส่วนร่วมในการรับมือกับเหตุการณ์โดยตรงกับภัยพิบัติน้ำท่วมในปี 2554

2. ข้อมูลทุติยภูมิ เป็นข้อมูลที่ได้รับจากแหล่งอื่นที่อยู่นอกพื้นที่ศึกษา เป็นข้อมูลเอกสารและข้อมูลทีใช้การวิเคราะห์พื้นที่จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพิษณุโลก เขต 39 เป็นหลัก

          เครื่องมือ

          แบบสอบถามการรับมือกับสถานการณ์และประเมินความเสียหายของโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วม ในอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก โดยจะประกอบด้วย ข้อมูลทั่วไป ข้อมูลเกี่ยวกับการรับมือกับสถานการณ์ ข้อมูลความเสียของโรงเรียนในด้านต่างๆ ข้อมูลที่ใช้ในการสอบถามสำคัญ เช่น ที่อยู่, การรับมือกับสถานการณ์จะแบ่งเป็น 4 ระยะ ก่อนเกิด ระหว่างเกิดเหตุการณ์ หลังเกิดฉับพลัน และหลังระยะยาว, ความเสียหายที่โรงเรียนได้รับจะแบ่งเป็น 3 ด้าน โครงสร้างโรงเรียน เฟอร์นิเจอร์ และสื่อการเรียนการสอน, ความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ชุมชน ภาครัฐ และเอกชน ทั้งนี้ใช้โปรแกรมสารสนเทศภูมิศาสตร์ในการจัดทำแผนที่ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่

การประมวลและสมการที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

          การศึกษาของศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนทำการลงพื้นที่ศึกษาเพื่อเก็บข้อมูล ได้หาข้อมูลจำนวนโรงเรียนที่ประสบปัญหาน้ำท่วม โดยยึดหลักครั้งที่ภัยพิบัติเกิดเมื่อปี 2554 จากนั้นจะใช้วิธีการสำรวจและแบบสอบถามเก็บข้อมูลในแต่ละโรงเรียน โดยผู้วิจัยได้ถามแบบสอบถามกับผู้บริหารโรงเรียน 37 คน แบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของโรงเรียน แบบสอบถามจำนวนครั้งที่โรงเรียนประสบปัญหาน้ำท่วม แบบสอบถามผลกระทบจากน้ำท่วมต่อโครงสร้างหลักของโรงเรียน อันประกอบด้วยโครงสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และสื่อการเรียนการสอนที่ได้รับความเสียหายและความสูญเสีย แบบสอบถามความรู้และทักษะในการปฏิบัติตนแบ่งออกเป็น 4 ระยะ 1) ก่อนเกิดเหตุการณ์ 2) ระหว่างเกิดเหตุการณ์ 3) หลังฉับพลัน และ 4) หลังระยะยาว และแบบสอบถามงบประมาณที่โรงเรียนได้รับ 4 ด้าน เงินเก็บของโรงเรียน เงินรายได้ เงินภาครัฐหลังจากประสบปัญหาน้ำท่วมข้อมูลความเสียหายสามารถตรวจสอบได้ (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลกเขต 1) และเงินจากชุมชน แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ เบื้องต้น โดยสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ประกอบด้วยสถิติพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ และค่าเฉลี่ย จากนั้นจึงข้อมูลมาวิเคราะห์โดยใช้สมการหาค่าความเสี่ยงของภัยพิบัติ


โดยที่    ภัยพิบัติ:  จำนวนครั้งที่เกิดน้ำท่วมโรงเรียนในรอบ 10 ปี

ความล่อแหลม: ที่ได้รับจากความเสียหาย

ความเปราะบาง: สิ่งที่ได้รับจากความสูญเสีย

และศักยภาพ: ความรู้ ทักษะ และทรัพยากร

จากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นผู้ทำการวิจัยได้ปรับทฤษฎีให้สามารถใช้ในการวิเคราะห์โดยยึดหลักให้ตรงกับความเป็นจริง

ผู้วิจัยได้ปรับจาก ความเสียหาย    สิ่งที่ได้รับความสูญเสีย เป็นการ  เพราะเมื่อมองในด้านความเป็นจริงแล้ว ผลที่ได้จากการคูณนั้นมีค่ามากเกินความเป็นจริง หรืออาจเท่ากับ 0 หากมีค่าใดค่าหนึ่งเท่ากับ 0 โดยที่ : ความเสียหายที่สามารถวัดได้และความเสียหายที่ไม่สามารถวัดได้ และทรัพยากร: เงินที่ได้จากการประเมินจากรัฐ และเงินจากชุมชน

เมื่อได้ข้อมูลในส่วนต่างๆ เป็นปัจจัยในการวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงซึ่งได้จากทฤษฎีในขั้นต้น ค่าที่ได้จะถูกกำหนดเป็นระดับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ศึกษาเชิงตำแหน่งจะมีความแตกต่างกันไป และเพื่อให้เห็นความแตกต่างของแต่ละพื้นที่การวิเคราะห์โดยกระบวนการทางสารสนเทศภูมิศาสตร์โดยการ IDW จะออกมาในรูปแบบของแผนที่ เพื่อใช้ในการประเมินระดับความเสี่ยงจากความเสียหายของโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมจากทุกโรงเรียนในอำเภอบางระกำ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อระดับความเสี่ยงของความเสียหายของโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วม ได้แก่ ปัจจัยด้านจำนวนครั้งที่เผชิญกับปัญหาน้ำท่วมในรอบ 10 ปี ปัจจัยด้านสิ่งที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเมื่อประสบกับสถานการณ์น้ำท่วมจะแบ่งเป็น 3 องค์ประกอบหลักของโรงเรียน คือ โครงสร้างของโรงเรียน เฟอร์นิเจอร์ และสื่อการเรียนการสอน และปัจจัยด้านศักยภาพของแต่ละโรงเรียนเป็นสิ่งที่ได้รับความช่วยเหลือจากชุนชมในท้องถิ่น ทางภาครัฐและเอกชน

ผลการวิจัย

1. ความเสียหายของโรงเรียนที่เกิดจากน้ำท่วม

การรวบรวมข้อมูลความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนในพื้นที่การศึกษา 37 แห่ง ทั้งโครงสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และสื่อการเรียนการสอน พบว่า ความเสียหายส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ โครงสร้างของโรงเรียนที่ประกอบไปด้วยอาคารเรียน ถนน รั้ว และสวมหย่อม  โดยโครงสร้างที่ได้รับความเสียหายเหล่านี้ ไม่สามารถที่จะเคลื่อนย้ายได้ จึงมีผลกระทบโดยตรงต่อสถานการณ์น้ำท่วม ส่วนเฟอร์นิเจอร์และสื่อการเรียนการสอนนั้น จะได้ความเสียหายที่น้อยมากหรือไม่ได้รับความเสียหายเลย เนื่องจากทางโรงเรียนได้มีแผนรับมือเพื่อลดความเสียหายจากสถานการณ์ คือ การขนย้ายสิ่งที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ขึ้นไปไว้ในที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง โดยทุกโรงเรียนที่สำรวจถูกน้ำท่วมเฉลี่ย 3 ครั้งในรอบสิบปี โรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมมากที่สุด คือ 5 ครั้งในรอบสิบปี มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่าง 5 หมื่นบาทถึง 1.7 ล้านบาท คิดเฉลี่ยเป็นมูลค่า 5.5 แสนบาท หรือรวมทั้งหมดเป็นเงิน 20.2 ล้านบาทโดยประมาณ

ตาราง 2 ความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติ

 

จำนวนครั้งที่ถูกน้ำท่วมในรอบ 10 ปี

มูลค่าความเสียหาย (บาท)

ค่าสูงสุด

5

1,745,000

ค่าต่ำสุด

1

53,500.00

รวม

-

20,254,715

เฉลี่ย

3

547,424.00

     

       ภาพ 1 แผนที่มูลค่าความเสียหายของโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วม

            











  ภาพ 2 แผนที่จำนวนครั้งที่เกิดน้ำท่วมในรอบ 10 ปีของโรงเรียน

 

2. ศักยภาพการรับมือและฟื้นฟู

          ด้านศักยภาพการรับมือและฟื้นฟูของโรงเรียนในพื้นที่การศึกษา พิจารณาจากการรับการรับมือกับเหตุการณ์ ชุมชน และทรัพยากร การสำรวจพบว่าทุกโรงเรียนมีการวางแผนรับมือกับเหตุการณ์ตามสถานการณ์ ซึ่งจะวัดจากการช่วงเวลาตามการเกิดสถานการณ์ คือ ระยะก่อน ระหว่างเกิด ระยะหลังเกิดฉับพลัน และระยะหลังระยะยาว ทำให้ทุกโรงเรียนมีประสิทธิภาพในการรับมือที่เท่ากัน อันเนื่องมากจากบริเวณพื้นที่ศึกษาเป็นบริเวณที่น้ำท่วมซ้ำซากทุกโรงเรียนจึงมีการวางแผนรับกับสถานการณ์ แต่สิ่งที่มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน คือ ศักยภาพในด้านทรัพยากรที่ใช้ในการฟื้นฟู โรงเรียนแต่ละแห่งจะได้ไม่เท่ากัน เนื่องจากชุมชนที่อยู่โดยรอบโรงเรียนแต่ละแห่งด้านทรัพยากรหรือฐานะทางการเงินขอคนในชุมชนนั้นไม่เท่ากัน

3. ระดับความเสี่ยงต่อความเสียหาบของโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วม

การคำนวณ “ระดับความเสี่ยง” จากสูตรที่กล่าวมาในวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลในการแทนค่าสูตรความเสี่ยงจากน้ำท่วม จะทำการตัดตัวแปรด้านทักษะและความรู้ออกจากสมการ เนื่องผลที่ได้จากการเก็บข้อมูลจากแบบสอบถามในด้านความรู้และทักษะนั้น พบว่า ทุกโรงเรียนมีผลความรู้และทักษะในระดับเดียวกันทั้งหมด สมการที่ใช้ในการวิเคราะห์จึงเป็นดังต่อไปนี้

ภาพ 3 แผนที่แสดงระดับความเสียหายและศักยภาพของโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วม

จากภาพ 3 ข้างบนผลการวิเคราะห์ของโรงเรียนในเขตพื้นที่ศึกษาจำนวน 37 แห่ง แสดงระดับศักยภาพและระดับความเสียหาย เมื่อนำข้อมูลมาเปรียบเทียบระหว่างระดับศักยภาพและระดับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับแต่ละโรงเรียนจะมีความแตกต่างกัน ขณะที่ระดับความเสียหายและศักยภาพของแต่ละโรงเรียน แสดงให้เห็นว่า โรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติที่อยู่ในระดับความเสียหายที่สูง ประกอบด้วย โรงเรียนวัดวังแร่ โรงเรียนบ้านปลักแรด โรงเรียนวัดแตน โรงเรียนบางระกำ โรงเรียนบ้านหนองแพงพวย และโรงเรียนวัดดอนอภัย ตามลำดับ โดยโรงเรียนเหล่านี้มีค่าความเสียหายเป็นมูลค่าส่วนใหญ่ ที่พบจากทั้งหมด 37 โรงเรียน เนื่องจากการในการฟื้นฟูให้โรงเรียนกลับมาเป็นเหมือนเดิมในโครงสร้างหลักทั้งสามด้านของโรงเรียนที่กล่าวแล้วข้างต้นนั้น ถือว่ามีมูลค่าที่สูงโดดเด่นกว่าในหลายโรงเรียนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมในบริเวณพื้นที่เดียวกัน และระดับความเสียหายจะวัดจากจำนวนครั้งที่โรงเรียนประสบกับปัญหาน้ำท่วมในรอบ 10 ปี แต่จำนวนครั้งที่โรงเรียนแต่ละแห่งนั้นมีความแตกต่างกันไม่มาก โดยค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3 ครั้งในรอบ 10 ปี

สำหรับระดับของศักยภาพโรงเรียนในพื้นที่ศึกษา พบว่า โรงเรียนบางระกำ โรงเรียนวัดดอนอภัย โรงเรียนวัดห้วงกระได โรงเรียนบ่อวิทยาบางระกำ โรงเรียนวัดวังเป็ด และโรงเรียนวัดโป่งหม้อข้าว ตามลำดับ โรงเรียนเหล่านี้มีระดับศักยภาพที่สูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับโรงเรียนทั้งหมด 37 โรงเรียน โดยในการวัดศักยภาพของแต่ละโรงเรียนจะวัดจากการรับการรับมือกับเหตุการณ์ ชุมชน และทรัพยากร ซึ่งสิ่งที่มีความต่างมากที่พบในแต่ละโรงเรียน คือ ทรัพยากรหรือเงินที่โรงเรียนได้รับจากชุมชนนั้น มีความแตกต่างกันสูง และจะส่งผลโดยตรงต่อการฟื้นฟูโรงเรียน ทำให้ศักยภาพในด้านของทรัพยากรจึงถือมีความสำคัญมากในบริเวณพื้นที่ศึกษา 













ภาพ 4 แผนที่แสดงระดับความเสี่ยงต่อความเสียหายของโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วม

 

ทางด้านระดับความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายของโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วม พบว่า โรงเรียนที่มีค่าระดับความเสี่ยงสูง ประกอบด้วย โรงเรียนวัดวังแร่ โรงเรียนวัดหนองอ้อ โรงเรียนบ้านหนองแพงพวย และโรงเรียนวัดโพธิ์ทองเจริญผล ตามลำดับ ค่าระดับความเสี่ยงเหล่านี้มาจากสมการความเสี่ยงที่เกิดจากภัยพิบัติ โดยเมื่อทำการเปรียบเทียบโดยส่วนใหญ่แล้วในการหาค่าความเสี่ยงในแต่ละโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วมจะมองในด้านของความเสียหายของโครงสร้างเพียงด้านเดียว ทำให้โรงเรียนใดก็ตามเมื่อได้รับผลกระทบหรือประสบกับปัญหาน้ำท่วม เมื่อมีการประเมินมูลค่าความเสียหายและพบว่ามีมูลค่าที่สูง โรงเรียนนั้นจะถือว่ามีระดับความเสี่ยงต่อภัยพิบัติน้ำท่วมที่สูงได้เลย ซึ่งสามารถนำแผนที่แสดงระดับความเสียหายมาใช้นำอธิบายได้โดยตรง คือ โรงเรียนวัดวังแร่ โรงเรียนบ้านปลักแรด โรงเรียนวัดแตน โรงเรียนบางระกำ โรงเรียนบ้านหนองแพงพวย และโรงเรียนวัดดอนอภัย แต่เมื่อนำสมการคำนวณค่าความเสี่ยงต่อภัยพิบัติมาใช้ ได้นำศักยภาพของแต่ละโรงเรียนมาใช้ในการพิจารณาเพิ่มเข้าไป ค่าความเสี่ยงของโรงเรียนจึงเปลี่ยนไป เพราะบางโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายที่สูงมากอย่าง เช่น โรงเรียนบ้านปลักแรด โรงเรียนวัดแตน โรงเรียนบางระกำ และโรงเรียนวัดดอนอภัย แต่โรงเรียนเหล่านี้มีศักยภาพสูงพอเพียงที่จะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ จึงส่งผลทำให้ความเสี่ยงของโรงเรียนเหล่านี้ถือว่าน้อยมาก หากเปรียบเทียบกับโรงเรียนวัดหนองอ้อ และโรงเรียนวัดโพธิ์ทองเจริญผล ซึ่งได้รับความเสียหายที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าในบริเวณพื้นที่เดียวกัน แต่เมื่อนำศักยภาพโรงเรียนมาพิจารณา กลับพบว่า โรงเรียนเหล่านี้มีความเสี่ยงที่สูงมาก เพราะมีระดับความสามารถในการฟื้นฟูต่ำ ทำให้โรงเรียนเหล่านี้มีศักยภาพที่ต่ำ

4. ระดับความเสี่ยงต่อความเสียหายของโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมแสดงเป็นภาพของพื้นที่

การแสดงแผนที่แสดงพื้นที่ความเสียหายของโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ทำให้เห็นพื้นที่ได้รับความเสียหายนี้เป็นในด้านเขตการศึกษาของแต่ละโรงเรียน ซึ่งความเสียหายส่วนใหญ่จะครอบคลุมในตำบลชุมแสงสงคราม บางระกำ และปลักแรด ประกอบด้วยโรงเรียนวัดวังแร่ โรงเรียนบ้านปลักแรด โรงเรียนวัดแตน โรงเรียนบางระกำ โรงเรียนบ้านหนองแพงพวย และโรงเรียนวัดดอนอภัย ตามลำดับนั้น ความเสียหายในแต่ละโรงเรียนเกิดจากหลายปัจจัย เป็นต้นว่า ความเก่าของโรงเรียนเรียน ระยะเวลาในการท่วมขังของน้ำ การท่วมของน้ำหลายระลอก และรวมถึงระดับความสูงของน้ำที่ท่วมถึง 2 เมตร เมื่อนำปัจจัยเหล่ามาพิจารณาในเชิงพื้นที่จึงกล่าวได้ว่าพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายที่สูงเหล่านี้เป็นพื้นที่ที่ต่ำกว่าโรงเรียนอื่นที่มีความเสียหายที่ต่ำกว่า และสามารถอธิบายได้ว่าส่งผลกระทบโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสียหายจะไม่พร้อมที่จะเตรียมการเรียนการสอนให้กับนักเรียนได้อย่างเต็มที่หลังจากการเปิดเรียน หากไม่ได้รับการฟื้นฟูให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม การใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์แสดงภาพของพื้นที่ดังภาพ 5 จึงทำให้เกิดความเข้าใจร่วมระหว่างความเสียหายของโรงเรียนและภาวะน้ำท่วมของพื้นที่รอบโรงเรียนเป็นบริเวณกว้าง

ภาพ 5 แผนที่แสดงพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติน้ำท่วม











ภาพ 6 แผนที่พื้นที่ที่มีศักยภาพในการรับมือกับภัยพิบัติน้ำท่วม

ขณะที่แผนที่แสดงพื้นที่ที่มีศักยภาพในการรับมือกับภัยพิบัติน้ำท่วมของโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งพื้นที่ที่มีศักยภาพเหล่านี้จะอยู่ในเขตตำบลบางระกำ ท่านางงาม บ่อทอง และชุมแสงสงคราม ประกอบด้วยโรงเรียนบางระกำ โรงเรียนวัดดอนอภัย โรงเรียนวัดห้วงกระได โรงเรียนบ่อวิทยาบางระกำ โรงเรียนวัดวังเป็ด และโรงเรียนวัดโป่งหม้อข้าวนั้น เนื่องพื้นที่เหล่านี้ค่อนข้างจะเป็นพื้นที่ชุมชนเมืองมากกว่าพื้นที่ที่มีศักยภาพที่ต่ำ ประชากรที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมีฐานะทางการเงินและภาคธุรกิจเอกชนที่สามารถรวบรวมทรัพยากรเข้าไปช่วยเหลือโรงเรียนได้มากกว่า การใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์แสดงภาพของพื้นที่ดังภาพ 6 จึงทำให้เกิดความเข้าใจร่วมระหว่างศักยภาพของพื้นที่รอบโรงเรียนที่จะเข้ามามีส่วนในการฟื้นฟูโรงเรียนหลังจากน้ำลดลงไปแล้วได้ชัดเจนขึ้น












ภาพ 7 แผนที่แสดงระดับความเสี่ยงของพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม

 สำหรับแผนที่แสดงระดับพื้นที่เสี่ยงของโรงเรียนที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมของอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ที่ทำการวิเคราะห์เพิ่มเติมด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ เพื่อให้เห็นเป็นพื้นที่เสี่ยงรอบโรงเรียน ซึ่งมีน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง โดยจะเห็นว่าพื้นที่ตำบลชุมแสงสงครามที่อยู่ด้านบน อันเป็นเขตที่ลุ่มต่ำและรับน้ำจากแม่น้ำยมก่อนตำบลอื่น ดังภาพ 7 นั่นทำให้โรงเรียนวังแร่ที่อยู่ในตำบลนี้ เป็นโรงเรียนที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมมากกว่าบริเวณอื่น

อภิปรายผล

ความปลอดภัยของโรงเรียนและความต่อเนื่องของการศึกษา จำเป็นต้องมีกระบวนการที่ดำเนินการของบุคลกรการศึกษา นักเรียน ญาติและผู้ปกครอง และชุมชนท้องถิ่น อย่างต่อเนื่องและพลวัต การจัดการภัยพิบัติในโรงเรียนมีความเกี่ยวข้องกับขั้นตอนปฏิบัติที่เป็นวงจร เริ่มจากการประเมินภัย ความเปราะบาง ศักยภาพ และทรัพยากร ต่อด้วยการวางแผนและดำเนินการลดความเสี่ยงทางกายภาพ การบำรุงรักษาสิ่งอำนวยให้เกิดความปลอดภัย การดำเนินการตามมาตรฐานและการฝึกอบรมด้านความปลอดภัย ตลอดจนการทดสอบแผนการเยียวยาและเตรียมการที่สามารถสนองตอบปัญหาได้ตามความเป็นจริง และการปรับปรุงแผนงานให้สอดรับกับประสบการณ์ของผู้ดำเนินการ การมีแผนการจัดการภัยพิบัติของโรงเรียนเป็นกระจกสะท้อนถึงความพยายามป้องกันภัยพิบัติของบุคคลและครอบครัว รวมไปถึงระดับกว้างออกไปถึงความพยายามในการป้องกันภัยพิบัติของชุมชน เรื่องนี้ IFC - International Finance Corporation (2010) แนะนำว่า มีกิจกรรมที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้สามารถจัดการความปลอดภัยของโรงเรียนในการคุ้มครองนักเรียนและบุคลากร การอำนวยการให้สามารถจัดการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง และการเรียนรู้และสร้างวัฒนธรรมปลอดภัย ดังต่อไปนี้

1. การประเมินและวางแผน เป็นการจัดตั้งและเพิ่มอำนาจคณะกรรมการจัดการภัยพิบัติ ทำการประเมินความเสี่ยง การเผชิญภัยพิบัติ ความเปราะบาง และศักยภาพ จัดทำแผนที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา รวมถึงการสื่อสารไปถึงชุมชนโดยรอบของโรงเรียน

2. การคุ้มครองสภาพทางกายภาพและสิ่งแวดล้อม เป็นการปกป้องคุ้มครองให้เกิดความปลอดภัยเชิงโครงสร้าง การแบ่งเบาภาวะแบกรับของสิ่งที่ไม่ใช่โครงสร้าง และการคลี่คลายความตรึงเครียดของสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น

3. การพัฒนาศักยภาพการตอบสนองและรับมือกระบวนการจัดการให้ได้มาตรฐาน ทักษะการตอบสนองและจัดการ และการออกกฎบัญญัติเพื่อให้เกิดการปฏิบัติที่ถูกต้อง

4. การปฏิบัติ การติดตาม และการปรับปรุง ฝึกซ้อมการจำลองการปฏิบัติเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงและปรับปรุงแผนการ การตรวจสอบตัวชี้วัดสำหรับการจัดการภัยพิบัติในโรงเรียน

ตามข้อเสนอของ IFC จะเห็นได้ว่ามีประเด็นสำคัญที่จะต้องเริ่มงาน คือ การวิเคราะห์ความเสี่ยง ซึ่งงานวิจัยนี้ได้ดำเนินการด้วยการใช้สมการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากภัยพิบัติ R = f(HEV) คือ ฟังก์ชันของภัยพิบัติ การเผชิญภัยของพื้นที่ และความเปราะบาง โดยมีการปรับแปลงตัวแปรที่ใช้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความเหมาะสมแก่การนำเอาไปใช้ในการลดความเสี่ยงจากความเสียหายและการสูญเสียอันเนื่องจากภาวะน้ำท่วมซ้ำซากของพื้นที่

ความเสี่ยงที่พิจารณาจากความเสียหายและระดับความเสี่ยงที่พิจารณาจากความเสียหายกับศักยภาพนั้น มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน สามารถที่จะทดสอบโดยภูมิทัศน์ของแต่ละโรงเรียน เช่น ภูมิทัศน์ของโรงเรียนบ่อวิทย์บางระกำกับโรงเรียนวัดวังแร่ ที่มีมูลค่าความเสียหายสูงใกล้เคียงกัน แต่ภูมิทัศน์ของโรงเรียนนั้นแตกต่างกันมาก เพราะโรงเรียนบ่อวิทยาบางระกำมีศักยภาพในการฟื้นฟูที่สูงกว่า ดังนั้น การกำหนดระดับความเสี่ยงของโรงเรียนที่ประสบกับภัยพิบัติ ควรจะมองทั้งสองด้านจึงจะถูกต้อง นอกจากนี้การพิจารณาทั้งสองด้านดังกล่าวยังจะแสดงให้เห็นถึงามต้องการที่จะได้รับความช่วยเหลือที่แท้จริงด้วย

          การลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยเพื่อลดผลกระทบมีสิ่งที่อาจจะเกิดความสูญเสียและความเสียหาย ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นบุคลากรการศึกษา นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จำเป็นจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย และจัดให้มีการสำรวจชุมชนเพื่อจำลองสถานการณ์ว่าขณะนี้หรือขณะนั้น พื้นที่อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเตรียมการรับมือ สถานการณ์เผชิญหน้า สถานการณ์หลังการเผชิญหน้า หรือสถานการณ์ที่ต้องฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิม เพราะหากมีการเตรียมความพร้อมกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ก็จะช่วยให้สามารถลดความสูญเสียและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้ สำหรับการวิจัยครั้งนี้ พบว่า โรงเรียนทุกแห่งมีการเตรียมรับกับสถานการณ์ ทุกโรงเรียนมีการขนย้ายเฟอร์นิเจอร์และสื่อการเรียนการสอน เว้นแต่สิ่งที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ คือ โครงสร้างหลักของโรงเรียน ความเสียหายส่วนใหญ่จะตกอยู่ด้านนี้ ทำให้ความสูญเสียของโรงเรียนไม่มากนัก หากเปรียบกับการที่โรงเรียนไม่มีการรับมือเตรียมความพร้อมกับเหตุการณ์เลย

สรุป

โรงเรียนที่ประสบกับภัยพิบัติน้ำท่วมจะได้รับความเสียหายด้วยกัน 3 ด้าน คือ โครงสร้างหลัก เฟอร์นิเจอร์ และสื่อการเรียนการสอน ทั้งนี้ความเสียหายส่วนใหญ่ที่พบในโรงเรียนทั้ง 37 แห่งในอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ประกอบด้วย อาคารเรียน สวนหย่อม และถนนในบริเวณโรงเรียน โดยสิ่งที่ทำให้โครงสร้างหลักเสียหายคิดเป็นมูลค่าสูงกว่าด้านอื่น เนื่องจากในการรับมือกับสถานการณ์ก่อนที่โรงเรียนจะถูกน้ำท่วมจะมีการขนย้ายสิ่งต่างๆ เพื่อลดผลกระทบจากการที่จะถูกน้ำท่วม แต่โครงสร้างหลักเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ซึ่งแตกต่างจากด้านอื่นที่สามารถเคลื่อนย้ายไปยังที่สูงในบริเวณน้ำท่วมไม่ถึงได้ มูลค่าความเสียหายที่วัดได้ในพื้นที่จะวัดจากการฟื้นฟูหลังจากถูกน้ำท่วม โดยจะวัดจากมูลค่าของสิ่งที่ได้รับการซ่อมแซมและสิ่งที่ได้รับการจัดสรรขึ้นมาใหม่ มูลค่าความเสียหายที่พบในพื้นที่มีตั้งแต่ 53,5001,745,000 บาท และจำนวนครั้งที่โรงเรียนประสบกับปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมในรอบ 10 ปี มีตั้งแต่ 1-5 ครั้ง โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3 ครั้ง

ศักยภาพของโรงเรียนที่ทำการศึกษาวิจัย 3 ด้าน คือ การรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม ชุมชน  และทรัพยากร โดยพบว่าโรงเรียนแต่ละแห่งมีการรับมือกับสถานการณ์ที่ถูกต้องตามหลักของการรับมือกับสถานการณ์ ทำให้ศักยภาพในด้านนี้ของแต่ละโรงเรียนมีค่าที่เท่ากัน เนื่องจากอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก เป็นบริเวณพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากทำให้โรงเรียนแต่ละแห่งมีการรับมือเพื่อลดผลกระทบอย่างถูกต้อง ด้านชุมชนของแต่ละโรงเรียนหลังจากเกิดน้ำท่วมหรือน้ำลดลงในการฟื้นฟูโรงเรียนชุมชนทุกแห่ง ได้ให้การช่วยเหลือฟื้นฟูซ่อมแซมเป็นอย่างดี แต่สิ่งที่มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้อย่างชัดเจนคือ ในด้านทรัพยากรหรือเงินทุนในการฟื้นฟูโรงเรียนให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมให้พร้อมต่อการเตรียมการเรียนการสอน ทรัพยากร หรือเงินทุนช่วยเหลือโรงเรียนไม่เกิน 4 แสนบาท

สำหรับระดับความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความเสียหายของโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมนั้น โรงเรียนที่มีระดับของความเสียหายที่สูง ได้แก่ โรงเรียนวัดวังแร่ โรงเรียนบ้านปลักแรด โรงเรียนวัดแตน โรงเรียนบางระกำ โรงเรียนบ้านหนองแพงพวย และโรงเรียนวัดดอนอภัย ตามลำดับ และโรงเรียนที่มีระดับของศักยภาพที่สูง คือ โรงเรียนบางระกำ โรงเรียนวัดดอนอภัย โรงเรียนวัดห้วงกระได โรงเรียนบ่อวิทยาบางระกำ โรงเรียนวัดวังเป็ด และโรงเรียนวัดโป่งหม้อข้าว เมื่อนำปัจจัยทั้ง 2 ด้านมาพิจารณาด้วยสมการความเสี่ยงต่อภัยพิบัติ พบว่า โรงเรียนที่มีระดับความเสี่ยงที่สูง ประกอบด้วย โรงเรียนวัดวังแร่ โรงเรียนวัดหนองอ้อ โรงเรียนบ้านหนองแพงพวย และโรงเรียนวัดโพธิ์ทองเจริญผล

         

บรรณานุกรม

 

Aon Benfield, Aon Corporation. (2012). 2011 Thailand Floods Event Recap Report - Impact Forecasting. Available on www.impactforecasting.com.

International Finance Corporation, World Bank Group. (2010). Disaster and Emergency Preparedness: Guidance for Schools. International Finance Corporation, World Bank. Available on https://openknowledge.worldbank.org/handle/10986/17669

Kousky, Carolyn. (2017). “Financing Flood Losses: A Discussion of the National Flood Insurance Program.” Resources for the Future. Available on http://www.rff.org/files/document/file/RFF-DP-17-03.pdf

Lamond, Jessica.; Rose, Carly.; Bhattacharya-Mis, Namrata.; and Joseph, Rotimi. (2017). Evidence Review for Property Flood Resilience Phase 2 Report. Available on https://www.floodre.co.uk/wp-content/uploads/UWE-report_Evidence-review-for-PFR_Phase-2-report.pdf

Mekhong River Commission. (2009). School Flood Safety Program – Flood Risk Preparedness and Reduction. Flood Emergency Management Strengthening Component 4 – MRC Flood Management and Mitigation Program.

Thieken, A.H., V. Ackermann, F. Elmer, H. Kreibich, B. Kuhlmann, U. Kunert, H. Maiwald, B. Merz, M. Müller, K. Piroth, J. Schwarz, R. Schwarze, I. Seifert, and J. Seifert. (2008). “Methods for the Evaluation of Direct and Indirect Flood Losses.” The 4th International Symposium on Flood Defence: Managing Flood Risk, Reliability and Vulnerability. Toronto, Ontario, Canada, May 6-8, pp.98-1-10.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น