เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน - รีเซ็ตใหม่หลังการระบาดใหญ่
วิกฤตโควิด-๑๙ ช่วยเปิดเผยให้เราได้เห็นความเปราะบางของเป้าหมายต่างๆ ที่องค์การสหประชาชาตินำมาใช้ภายใต้กรอบคิดว่าด้วย “เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” ซึ่งเท่าที่ดูแล้ว ขณะนี้เป้าหมายอย่างน้อยสองในสาม ไม่น่าจะบรรลุถึงความสำเร็จได้
คลื่นของการลงทุนและการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงได้อีกต่อไป ไม่น่าจะมีเงินหรือความสนใจเพียงพอที่จะขจัดความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ขยายการดูแลสุขภาพ และล้มล้างการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งหมดนี้ได้ภายในปี 2030
ถึงต้นปี 2023 ไวรัส SARS-CoV-2 ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 6,764,989 ราย ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของคนหลายพันล้านคน และมีค่าใช้จ่ายหลายล้านล้านดอลลาร์ ภาวะซึมเศร้าทั่วโลกปรากฏขึ้น สหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ถูกครอบงำด้วยการประท้วงต่อต้านความไม่เท่าเทียมทางโครงสร้างและการเหยียดเชื้อชาติ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศมหาอำนาจและรัฐนิวเคลียร์ก็อยู่ในระดับที่ไม่เคยเห็นมานานหลายทศวรรษ
ย้อนกลับไปในปี 2015 เมื่อสหประชาชาติได้นำ 17 เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs: Sustainable Development เป้าหมายที่s) มาใช้ เพื่อปรับปรุงชีวิตของผู้คนและโลกธรรมชาติให้ดีขึ้นภายในปี 2030 ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของมนุษยชาติ ที่ตัวแทนประเทศทั้งหลายทั่วโลกได้ร่วมกันลงนาม งบประมาณของประเทศจำนวนมากถูกนำมาตั้งเป็นเงินทุนดำเนินการ รัฐบาลหลายประเทศต่างเห็นชอบในสนธิสัญญาที่มีเป้าหมายและความคาดหวังสูงมากๆเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงด้านสภาพอากาศในปารีส (Paris climate agreement) กรอบการทำงานเกี่ยวกับการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเซนได (Sendai framework on disaster risk reduction) และแผนพัฒนาด้านการเงิน แอดดิส อาบาบา (Addis Ababa plan for financing development)
ห้าปีต่อมา ขณะที่สหประชาชาติเฉลิมฉลองโอกาสที่ได้รับการก่อตั้งมาครบรอบ 75 ปี อารมณ์ของการมองโลกในแง่ดีนั้นก็จางหายไป กล่าวอีกนัยหนึ่ง รากฐานในการสร้าง SDGs ได้เปลี่ยนไปแล้ว
ความสำเร็จของ SDGs ขึ้นอยู่กับสมมติฐานใหญ่ 2 ประการ คือ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และโลกาภิวัตน์ ทั้งนี้ วิกฤตโควิด-๑๙ ได้ฉีกทำลายสิ่งเหล่านี้ออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพราะคาดการณ์กันว่าปีนี้เศรษฐกิจโลกจะหดตัวอย่างน้อย ร้อยละ 5 ซึ่งจะต้องใช้เวลาสำหรับการฟื้นตัวอีกหลายปี ไม่ใช่เดือน หากอดีตเป็นแนวทาง ประเทศอุตสาหกรรมที่พยายามดิ้นรนเพื่อช่วยเหลือพลเมืองของตนเอง พวกเขาจะไม่สนับสนุนการพัฒนาของประเทศอื่นๆ
ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาในต่างประเทศในปี 2021 อาจลดลง 25 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้สหรัฐฯ ได้ประกาศถอนตัวจากการสนับสนุนกิจการขององค์การอนามัยโลก การขยายขนาดกิจกรรมของมนุษย์บนโลกนี้ ดูจะเป็นเรื่องโง่เขลา เพราะมันอาจไปมีส่วนทำให้บ่อโรคแห่งใหม่ๆ ที่ซ่อนอยู่ในป่าถูกเปิดออกมาได้เช่นเดียวกับโควิด-๑๙
รัฐบาลของประเทศต่างๆ ล้วนมีความกังวลเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับความมั่นคงด้านอาหารที่กำลังถูกคุกคาม เนื่องจากคนงานในฟาร์มไม่สามารถเดินทางไปเก็บเกี่ยวพืชผลได้ ราคาข้าว ข้าวโพดและข้าวสาลี กำลังพุ่งทะยานขึ้นอย่างมาก โครงการอาหารโลกของสหประชาชาติ ได้เพิ่มประมาณการณ์จำนวนผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะประสบปัญหาการขาดแคลนอาหารอย่างเฉียบพลัน ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีนี้ โดยมีจำนวนมากถึง 265 ล้านคน อุปสงค์ของพืชเศรษฐกิจ เช่น ไม้ดอกส่งออกจากเคนยาจะเกิดภาวะชะงักงัน การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้ล่มสลายลงอย่างแท้จริง แม้แต่ประเทศกำลังพัฒนาที่อุดมด้วยน้ำมัน เช่น ไนจีเรีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดของแอฟริกา ก็ไม่สามารถขายทรัพยากรของตนให้มีกำไรแบบเดิมได้ ภาวะชะลอตัวแบบนี้เกิดขึ้นทั่วโลก
และโลกของเราจะต้องเผชิญหน้ากับความเครียดเพิ่มเติมเข้าไปอีกในทศวรรษหน้า ใช่แล้วล่ะ มันไม่ใช่แค่เพรยงการระบาดใหญ่ที่มีผลกระทบโดยตรงมากขึ้นเท่านั้น แต่มันยังรวมไปถึงการสูญพันธุ์และความเสื่อมโทรมอย่างต่อเนื่องของระบบนิเวศ ซึ่งทุกชีวิตต้องพึ่งพา พายุ ไฟป่า ภัยแล้ง และน้ำท่วมจะเกิดบ่อยขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ความไม่สงบทางการเมืองอาจตามมา ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ จะเบี่ยงเบนเงินทุนเพิ่มเติมจากเป้าหมาย SDGs ที่มีอยู่ เห็นได้จากแค่ปี 2020 เพียงปีเดียว สหรัฐฯ ต้องใช้งบประมาณมากถึง 14 พันล้านดอลลาร์ เพื่อจัดการหลายส่วนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โควิด-๑๙ แสดงให้เห็นว่า SDGs ตามที่คิดไว้ในปัจจุบัน ไม่ยืดหยุ่นต่อแรงกดดันระดับโลกดังกล่าว เมื่อการประชุมทางการเมืองระดับสูงของสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (High-level Political Forum on Sustainable Development) จัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ต้นเดือนกรกฎาคม 2021 ผู้ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมประชุมจากแต่ละประเทศจะต้องร่วมกันจัดทำกรอบใหม่ สำหรับ SDGs ในขณะที่โลกฟื้นตัวจากการระบาดใหญ่นี้ฟอรัมดังกล่าวจะต้องจัดลำดับความสำคัญที่ชัดเจน ไม่ใช่มีเป้าหมายแค่เรื่องป่าไม้ที่กำหนดไว้แต่เดิมเท่านั้น แต่ควรพิจารณาด้วยว่าเป้าหมายใดที่สามารถบรรลุได้ในโลกที่มีการเชื่อมต่อกันน้อยลงกว่าเดิม ด้วยภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังซบเซา
ช้าลงและแย่ลง
ความก้าวหน้าของการดำเนินการตามเป้าหมาย SDGs นั้นค่อนข้างเชื่องช้า แม้กระทั่งช่วงเวลาก่อนเกิดโควิด-๑๙ และ ณ ตอนนี้ ก็มีแนวโน้มเป็นไปได้มากว่าจะไม่บรรลุเป้าหมายหลายอย่างจาก 169 เป้าหมาย ภายในปี 2030 ที่กำหนดเอาไว้ ที่แย่กว่านั้น คือ พบว่ามีบางรายอาจถึงขั้นวิกฤตได้ เพราะว่ามี 2/3 ของเป้าหมาย 169 เป้าหมาย ถูกคุกคามจากการระบาดใหญ่นี้ หรือไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะสามารถบรรเทาผลกระทบได้
บางคนอาจขยายปัญหา ซึ่งพบว่าร้อยละ 15 ของเป้าหมาย SDG อาจทำให้เกิดผลกระทบในทางที่แย่ลงของการระบาดใหญ่ในอนาคต
เป้าหมายของการมีสุขภาพที่ดี คือ การบาดเจ็บล้มตายที่ชัดเจนที่สุด คลินิกทุกแห่งได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ และทรัพยากรขาดตลาด ผลกระทบได้แพร่กระจายไปยังทุกด้านของการดูแลสุขภาพ ตัวอย่างเช่นยูนิเซฟ ที่เป็นองค์กรการกุศลเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ออกมาเตือนว่า ทารกแรกเกิดและมารดามากถึง 116 ล้านคน จะได้รับบริการที่ไม่เพียงพอในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ประมาณการณ์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงร้อยละ60 ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนของการท่องเที่ยวที่มีต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกลดลงอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อประเทศที่มีกิจการท่องเที่ยวเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ อย่างเช่นประเทศนามิเบีย ซึ่งการท่องเที่ยวของที่นี่เน้นไปที่ชนิดพันธุ์ที่มีเสน่ห์ เช่น สิงโต เสือดาว และช้าง โดยมีผลผลิตมวลรวมประจำชาติ สูงถึงร้อยละ 10 สร้างรายได้หลั่งไหลเข้าสู่ชุมชนท้องถิ่นมากกว่า 11 ล้านดอลลาร์ต่อปี ช่วยเพิ่มจำนวนสัตว์ป่าได้อย่างมาก รวมถึงช้างที่ลดลงในที่อื่นๆ ของทวีปแอฟริกาด้วย แต่เมื่อไม่มีการท่องเที่ยว การรุกล้ำก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เดือนเมษายน 2021 มีแรดดำที่ใกล้สูญพันธุ์ (Diceros bicornis) จำนวน 2 ตัว ถูกฆ่าในที่ดินของชุมชนเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี
ส่วนเป้าหมายหลักและเป้าหมายย่อยๆ ที่ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจโลกที่กำลังเติบโตจะไม่บรรลุเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น การทำให้พลังงานมีราคาไม่แพงและสะอาด จะต้องสร้างตลาดใหม่และการจัดหาเงินทุน ขณะทีาการส่งเสริมอุตสาหกรรมนวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน จะต้องมีการลงทุนเพิ่มเติม แม้กระทั่งก่อนเกิดโควิด-๑๙ การจัดหาเงินทุนสำหรับ SDGs นั้น ยังขาดแคลนอีกมากถึง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์
“รัฐบาลที่ขาดแคลนสภาพคล่องทางการเงิน จำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในวงกว้างแค่เพียงสองสามข้อ”
ความกังวลเกี่ยวกับเป้าหมายที่ขัดแย้งกัน ควรได้รับการหยิบยกขึ้นมาก่อน เพราะตอนนี้มันกำลังได้รับกดดันอย่างหนัก ตัวอย่างเช่น การปรับปรุงเครือข่ายการขนส่งในประเทศกำลังพัฒนา ควรเป็นจุดสนใจหลักของเป้าหมายสำหรับอุตสาหกรรมนวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน กระนั้น การขยายถนนเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร ก็เป็นผลทำให้ผู้คนที่อยู่บนเส้นทางของเชื้อโรคใหม่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการก่อสร้างเส้นทางเหล่านั้น หลายแห่งกำลังทำลายป่าไม้และสภาพแวดล้อมที่เปราะบางอื่นๆ ทั่วภูมิภาคเขตร้อน เป็นการคุกคามเป้าหมายเพื่อปกป้องชีวิตบนบก ทางหลวงแผ่นดินที่เสนอผ่านภูมิภาคเซเรนเกติของแอฟริกา (Africa’s Serengeti) จะก่อให้เกิดอันตรายที่ไม่สามารถแก้ไขได้ต่อพื้นที่คุ้มครองที่เคยสร้างรายได้มากกว่า 80 ล้านดอลลาร์ต่อปีจากการท่องเที่ยว ในทำนองเดียวกัน การจราจรทางทะเลทำให้เกิดมลพิษในอากาศและมหาสมุทร และตั้งเป้าหมายที่จะปกป้อง 'ชีวิตใต้น้ำ' ภายใต้การคุกคาม การเดินทางทางอากาศขับเคลื่อนผู้คน เงิน และความคิด แต่ช่วยกระจาย SARS-CoV-2 ไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
เราต้องทำอะไร?
จัดลำดับความสำคัญแบบ win-wins ก็คือ การให้รัฐบาลที่ขาดแคลนสภาพคล่องทางการเงิน จำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในวงกว้างเพีงแค่สองสามข้อ สิ่งนี้จะทำให้กลุ่มที่สนับสนุนเป้าหมายหลักและเป้าหมายย่อยๆ ที่ไม่มีความสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
การจัดลำดับความสำคัญ จะทำได้ยาก หากต้องอยู่ท่ามกลางเป้าหมายที่หลากหลายมากมาย บางทีอาจมีเป้าหมายที่ชัดเจนและความเป็นไปได้เชิงปริมาณด้วย ตัวอย่างเช่น เป้าหมายการขจัดความยากจนขั้นสุดขีดสำหรับทุกคนในทุกหนแห่งภายในปี 2030 เพื่อไม่ให้ใครมีรายได้น้อยกว่า 1.25 ดอลลาร์ต่อวัน ส่วนเป้าหมายอื่นๆ นั้นมีลักษณะกระจัดกระจายมาก เช่น การส่งเสริมแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างสาธารณะที่ยั่งยืนตามนโยบายและลำดับความสำคัญระดับชาติ
โชคดีที่ยังมีเป้าหมายบางอย่างเกื้อหนุนหรือมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับอีกหลายๆ เป้าหมาย
และก็มีบางส่วนที่เป็นเรื่องเร่งด่วนมากขึ้นในสถานการณ์โควิด-๑๙ ตัวอย่างเช่น เป้าหมายย่อยๆ ประมาณ 30 เป้าหมาย หรือคิดเป็นร้อยละ 18 หากมีการดำเนินการลุล่วง มันจะช่วยลดโอกาสการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกอีกครั้งได้ เช่น การลดการค้าสัตว์ป่าและอุปทานและอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย จะลดความน่าจะเป็นที่ไวรัสตัวใหม่จะแพร่กระจายไปยังมนุษย์ รวมถึงเป้าหมายอื่นเพิ่มเติมอีก 3 เป้าหมาย ได้แก่ การบรรลุหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การสนับสนุนกำลังคนด้านสุขภาพ และการเพิ่มขีดความสามารถของระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับความเสี่ยงด้านสุขภาพทั่วโลก จะช่วยชะลอผลกระทบจากโควิด-๑๙ ในประเทศที่มีรายได้ต่ำ
ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การตัดสินใจ (decision science) การวิเคราะห์ต้นทุน-ผลประโยชน์ (benefit-cost analysis) และระบบสังคม-นิเวศวิทยา (socio-ecological systems) ควรส่งเสริมให้ผู้แทนทางการเมืองพิจารณาว่าเป้าหมาย SDGs ใด ที่ควรได้รับการให้ความสำคัญเป็นอย่างแรกๆ ดังจะเห็นได้จากรายงานการประเมินครั้งที่ 5 ของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC: Intergovernmental Panel on Climate Change) แสดงให้เห็นว่า ข้อมูลและสารสนเทศต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์ มีส่วนช่วยสนับสนุนการตัดสินใจที่ยากลำบากในการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและทางเลือกสำหรับการปรับตัวได้เป็นอย่างดี
แยกการพัฒนากับการเติบโตออกจากกัน
โควิด-๑๙ เป็นการทดสอบความเครียดของเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์และเป้าหมายระดับโลกของเราในการสร้างโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น เฉกเช่นเมื่อธนาคารทั่วโลกเผชิญและล้มเหลว การทดสอบที่คล้ายกันในปี 2008 นั้น จะต้องเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ การเงิน การกำกับดูแล และการดำเนินการตาม SDGs จะต้องได้รับการปฏิรูป
การเติบโตทางเศรษฐกิจต่อหัวที่ยั่งยืนสำหรับทุกประเทศ เป็นเป้าหมาย SDG ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความลึกซึ้งของการแสวงหาที่ฝังแน่นในโลกสมัยใหม่ แต่มาตรการที่ใช้กันทั่วไป คือ ตัวเลขแสดงผลผลิตมวลรวมปรำชาติ หรือ GDP นั้นมีลักษณะค่อนข้างบิดเบือน โดยมีกำหนดค่าให้กับปัจจัยที่ไม่ต้องการเข้ามาด้วย เช่น งานอันตราย การจราจรคับคั่ง และมลภาวะ และการเติบโตไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ตลอดไปบนดาวเคราะห์ดวงนี้ ซึ่งถูกเอาถลุงแบบทำลายไปแล้วจำนวนมาก
ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงโต้เถียงกันมานานแล้วว่า เศรษฐกิจควรมุ่งเน้นที่การพัฒนา (การปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดี) มากกว่าการเติบโต (การเพิ่มปริมาณงานทางเศรษฐกิจ) นักลงทุนจำนวนมากในปัจจุบันตระหนักดีว่า การเพิ่มการเติบโตในระยะสั้นที่ให้ประโยชน์ตอบแทนสูงสุด ไม่สามารถแลกได้กับอากาศและน้ำที่สะอาด สภาพภูมิอากาศที่เสถียร ชุมชนที่สงบสุข และระบบนิเวศที่ยืดหยุ่นได้ มาตรการที่รวมเป้าหมายทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจนไว้ในเครื่องมือทางการเงิน เช่น พันธบัตรสิ่งแวดล้อม พันธบัตรเพื่อความยั่งยืน และการลงทุนเพื่อสร้างผลกระทบ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และในปีนี้แบล็คร็อคแห่งนิวยอร์กซิตี้ (BlackRock of New York City) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของโลก ได้เข้าร่วมโครงการริเริ่มสำหรับนักลงทุน Climate Action 100+ เพื่อผลักดันบริษัทผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้ดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
หลักการสำคัญอื่นๆ ของโลกาภิวัตน์ เช่น คุณค่าของความเชื่อมโยงเพื่อประโยชน์ของประสิทธิภาพ ก็ต้องถูกตั้งคำถามเช่นกัน เป็นการค้า การเดินทาง และการสื่อสารโทรคมนาคม ที่จะช่วยส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนหลายพันล้านคน และมีอุปกรณ์ป้องกันและความเชี่ยวชาญทางเทคนิคที่คอยควบคุมดูแลเพื่อต่อสู้กับการระบาดใหญ่ของโควิด-๑๙ แต่การเชื่อมต่อระหว่างกันยังเพิ่มโอกาสที่โรคระบาดทั่วโลกในอนาคตจะเกิดขึ้นและแพร่กระจาย ตลอดจนการแพร่ระบาดทางการเงินและการพังทลายของการคุ้มครองทางสังคมสำหรับคนงาน ตอนนี้ต้องตรวจสอบต้นทุนทางสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งหมดรวมถึงผลประโยชน์อีกครั้ง
การชะลอการเติบโตอีกรูปแบบหนึ่ง ประชากรควรได้รับการยกระดับให้มีความสำคัญเช่นกัน ความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์หมายความว่าการอภิปรายดังกล่าวสามารถเป็นที่ถกเถียงกันได้ แต่ถ้าประชากรโลกเพิ่มเป็น 9.7 พันล้านคนภายในปี 2050 ตามที่คาดการณ์ไว้ จะทำให้ภัยคุกคามด้านความยั่งยืนอื่นๆ มีความรุนแรงขึ้น เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของการเสริมสร้างศักยภาพสตรีและการให้การศึกษาแก่เด็กหญิงจึงเป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งยังมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้นอีก คือ การรักษาเสถียรภาพของขนาดประชากรในประเทศที่มีรายได้สูง ซึ่งการบริโภคและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูงกว่าในประเทศที่มีรายได้ต่ำมาก ซึ่งในประเทศเหล่านี้มีอัตราการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้ตั้งใจสูงถึงร้อยละ 40 ดังนั้น จึงมีทั้งความต้องการและสร้างโอกาสในการชุบชีวิตจากงานวิจัยและการดำเนินการเกี่ยวกับกิจกรรมของมนุษย์บนโลกอันจำกัดของเรา
ยกเครื่องเงินทุน
หากกราฟวงกลมเศรษฐกิจโลกไม่สามารถเพิ่มสัดส่วนขึ้นได้ ก็จำเป็นจะต้องหั่นเป็นชิ้นๆ วิธีแก้ปัญหาระยะสั้น คือ สำหรับเศรษฐกิจของประเทศ OECD เพื่อลดการรับประกันภัยที่ผิดวิสัยขององค์กรที่คำสาปแช่งต่อ SDGs ตัวอย่างเช่น เงินอุดหนุนจากรัฐบาลสำหรับอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลถึง 4.7 ล้านล้านดอลลาร์ (ร้อยละ 6.3 ของ GDP โลก) ในปี 2015 การพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างต่อเนื่องจะมีส่วนต่อการจำกัดความสำเร็จของ SDG ในหลายๆ เป้าหมาย ตั้งแต่พลังงานที่ยั่งยืนและเมืองต่างๆ ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
อีกวิธีในการแบ่งพายหรือชิ้นส่วนในกราฟใหม่ คือ การควบคุมผลกำไรของบริษัท โดยปี 2019 มีบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 ที่มีกำไรรวม 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ ตัวเลขนี้มีปริมาณเป็น 200 เท่าของงบประมาณประจำปีขององค์การอนามัยโลก แม้ว่าหลายบริษัทจะต้องเผชิญกับความสูญเสียและการล้มละลายอันเป็นผลมาจากการระบาดใหญ่ แต่ก็ยังมีวิธีที่จะชดใช้เงินทุนเพื่อสนับสนุนเป้าหมาย SDGs การควบคุมไม่ให้มีการหลีกเลี่ยงภาษีเป็นวิธีการเพียงหนึ่งเดียวที่ควรนำมาใช้ เพราะในแต่ละปีประเทศที่มีรายได้ต่ำต้องสูญเสียรายได้เข้ารัฐไปไม่น้อยกว่าร้อยละ 1.3 ของ GDP จากการหลีกเลี่ยงภาษีนิติบุคคล
บริษัทต่างๆ สามารถกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการให้บริการสาธารณะประโยชน์และสนับสนุนการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย SDGs ตัวอย่างเช่น การจัดสรรผลกำไรเพื่อเข้าร่วม 'Certified B Corporations' ตามวัตถุประสงค์ ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น Danone ยักษ์ใหญ่ด้านอาหารในอเมริกาเหนือ และ Patagonia ส่วน Bancolombia ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับสามของอเมริกาใต้ และบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค Unilever เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำการลงทุนที่สร้างผลกำไรทางสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยกันทั้งสิ้น
จำนวนเงินที่มากอย่างเหลือเชื่อที่นำไปลงทุนป้องกันประเทศยังคงขัดแย้งกับความร่วมมือระดับโลกที่ประเทศต่างๆ มุ่งมั่นภายใต้เป้าหมาย SDGs ขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้รับการยอมรับมากขึ้นว่าเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงของชาติ และจากประสบการณ์ของสถานการณ์โควิด-๑๙ ครั้งนี้ จะทำให้มีการเรียกร้องให้ดำเนินการรักษาโรคระบาดมากขึ้นอีกในอนาคตเช่นกัน การโอนงบประมาณจากที่จะต้องนำไปจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อจัดการกับภัยคุกคามด้านความปลอดภัยดังกล่าว จะเป็นช่องทางการระดมทุนไปสนับสนุนการดำเนินการเพื่อให้เป้าหมาย SDGs บรรลุตามที่ควรได้รับการสนับสนุน การประท้วงในสหรัฐฯ และอีกหลายๆ ประเทศในขณะนี้ กำลังกระตุ้นให้เกิดการเรียกร้องให้ลดขนาดและทำให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในเขตเทศบาลปลอดทหาร เปลี่ยนเส้นทางกองทุนไปสู่การริเริ่มด้านสุขภาพจิตและบริการทางสังคมอื่นๆ กระบวนการที่คล้ายคลึงกันในระดับโลกจะปลดล็อกทรัพยากรมหาศาล
เส้นทางข้างหน้า
อนุสัญญาของสหประชาชาติหลายฉบับต้องกลายเป็นผู้เสียชีวิตจากโควิด-๑๙ ไปกับเขาด้วย การประชุมความหลากหลายทางชีวภาพแห่งสหประชาชาติปี 2020 และการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ (COP26) ครั้งที่ 26 ถูกเลื่อนออกไป แม้ว่าวิกฤตการณ์วิกฤตทั่วโลกจะไม่สามารถถ่วงรั้งให้เกิดความล่าช้าได้ แต่การเลื่อนเวลาเหล่านี้ออกไป ถือเป็นโอกาสที่ได้พบบทเรียนที่ควรค่าแก่การเรียนรู้จาก COVID-19 เพื่อจัดเป็นข้อตกลงที่จะกำหนดชีวิตบนโลกในศตวรรษหน้าต่อไป
ดังนั้น เราจึงขอให้ฟอรัมการเมืองระดับสูงของ UN หาวิธีปรับปรุง SDGs ว่าจะทำกันอย่างไรและเมื่อใด ทุกเป้าหมายหลักและเป้าหมายย่อยๆ ล้วนแล้วแต่ควรได้รับการคัดกรองอย่างน้อยก็ 3 จุด คือ หลังวิกฤติโควิด-๑๙ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ยังจะมีความสำคัญอยู่อีกหรือไม่; การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาไม่ใช่การเติบโต; และเส้นทางที่ฟื้นคืนสภาพจากการหยุดชะงักของโลกคืออะไร?
เราหวังว่าอีก 75 ปีนับจากนี้ โศกนาฏกรรมในปี 2020 จะถูกจดจำในฐานะต้นน้ำที่ดีเช่นกัน หลังจากนั้นเราจะสร้างสิ่งที่ดีกว่า

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น